กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--ปตท.
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ (29 เม.ย.51) ราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยูที่ระดับ 110.20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถือเป็นระดับสูงสุด (New High) ส่งผลให้น้ำมันสำเร็จรูปเบนซินและดีเซลปรับตัวสูงขึ้นตามขึ้นมาอยู่ที่, 123.72 และ 144.78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากจีนได้นำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีทีผ่านมา หรือประมาณ 126 ล้านบาร์เรลในเดือน มี.ค. 51 อีกทั้งนาย Chakib Khetil ประธานกลุ่มโอเปกได้คาดการณ์ว่าน้ำมันดิบ WTI อาจสูงถึงระดับ 200 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และยืนยันกลุ่มโอเปกจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ เนื่องจากมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการใช้
ในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูปนอกจากปรับตัวเพิ่มขึ้นตามน้ำมันดิบในตลาดโลกแล้ว ยังมีปัจจัยจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขี้นทั้งในจีน และอินเดีย อีกทั้งรายงานปริมาณน้ำมันสำรองของ International Enterprise Singapore (IES) ลดลงถึง 5.9 % (อยู่ที่ระดับ 8.03 ล้านบาร์เรล/วัน) และยุโรปมีการนำเข้าน้ำมันดีเซล เนื่องจากโรงกลั่นในสก๊อตแลนด์ปิดฉุกเฉินเนื่องจากเหตุการณ์ประท้วง ซึ่งปัจจัยต่างๆ ทำให้เนื้อต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศต้องปรับสูงขึ้นตามไปด้วย ล่าสุดบริษัทผู้ค้าน้ำมันฯ ได้รับผลกระทบต่อเนื่องคือค่าการตลาดติดลบถึง 50 สตางค์/ลิตร (ค่าการตลาดที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการอยู่ทีระดับเฉลี่ย 1.50 บาท/ลิตร) หรือรับภาระขาดทุนอยู่ถึงลิตร 2 บาท ปตท. จึงจำเป็นต้องทยอยปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดขึ้น 50 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (30 เม.ย. 51) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล เป็นดังนี้
ชนิดน้ำมัน หน่วย : บาท/ ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที E20 พลัส 30.59 (ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 6 บาท ม.ค.-มิ.ย.51)
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95 32.59 (ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 4 บาท)
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91 31.79 (ถูกกว่าเบนซิน 91 ถึง 3.70 บาท)
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 36.59
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 35.49
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที B5 พลัส 32.74 (ถูกกว่าดีเซล ถึง 0.70 บาท)
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ 33.44
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นราคาในครั้งนี้แล้ว แต่ ปตท. ยังคงต้องแบกรับภาระจากต้นทุนดังกล่าวแทนผู้บริโภคอยู่ถึงลิตรละ 1.50 บาท จึงขอร้องให้ทุกคนช่วยกันประหยัด แม้น้ำมันจะเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ถ้าเราใช้ไม่รัดกุม ย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เพราะขณะนี้ทั่วโลกล้วนได้รับผลกระทบ แม้จะมีความพยายามจากหลายฝ่ายก็ตาม ประเทศเราเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าฯ เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเราควรจริงจังเรื่องการใช้พลังงานทุกชนิด ใช้เท่าที่จำเป็นจริงๆ และหันมาใช้พลังงานทางเลือกแทน เพื่อเศรษฐกิจที่ดีของครอบครัวและของประเทศ