"CV" ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ดึงผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน "บัณฑิต สะเพียรชัย" นั่งบอร์ดเสริมแกร่ง พร้อมย้ำกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ทิ้ง ยังอยู่ครบ! ลุยเพิ่มทุน RO แถมวอร์แรนต์ ตอบรับการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งเต็มสูบ
'บมจ. โคลเวอร์ เพาเวอร์' หรือ CV ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ดึงผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน "บัณฑิต สะเพียรชัย" นั่งบอร์ด ลุยเพิ่มทุน RO แถมวอร์แรนต์ และหากยังไม่ครบสามารถพิจารณาออก PP เพิ่มเติมได้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจสร้างความแข็งแกร่ง วางแผนนำเงินเพิ่มทุนส่วนหนึ่งใช้ลงทุนซื้อหุ้น ใน บจ.เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล (WTX) หลังเห็นโอกาสในการส่งเสริมธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน (Business Synergy) ทั้งในส่วนธุรกิจการแปรรูปขยะอุตสาหกรรมและธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน พร้อมเตรียมจับมือขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ด้านนวัตกรรมสีเขียว Carbon Neutrality แบบครบวงจร หวังช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคง ตอกย้ำแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่บริษัทพลังงานชั้นนำในอนาคต ย้ำชัดกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงถือหุ้นอยู่ครบ
นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็ก เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงถือครองหุ้นอยู่ครบ ผ่านการดึงมืออาชีพเข้ามาเสริมทัพสร้างความแข็งแกร่งกับทีมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารเดิม โดยมีคุณบัณฑิต สะเพียรชัย รับตำแหน่งกรรมการ เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจพลังงาน และมีประสบการณ์ในการบริหารงานธุรกิจพลังงานมาอย่างยาวนาน ทำให้สามารถเข้ามาเสริมทัพในส่วนของการช่วยกำหนดทิศทางการดำเนินงานและกำกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ให้บรรลุเป้าหมาย ช่วยต่อยอดสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ CV เพื่อรองรับแผนงานการรุกขยายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งรูปแบบการที่บริษัทฯ เป็นผู้ลงทุนเองและร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์ได้เป็นอย่างดี
"การที่ CV มีผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจพลังงานอย่าง คุณบัณฑิต สะเพียรชัย เข้ามาเป็นบอร์ด จะเสริมให้บริษัทฯ มีความพร้อม เพราะด้วยความรู้และประสบการณ์จากการบริหารงานในอดีต รวมถึงวิสัยทัศน์เข้ามาร่วมขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมาย และขยายธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับบริษัทอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยการเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท นับว่าเป็นการช่วยผลักดันให้บริษัทฯ ขยายฐานลูกค้า และยังเปิดโอกาสในการเพิ่มช่องทางการต่อยอดธุรกิจไปยังบริษัทชั้นนำอื่นๆ รวมถึงโอกาสในเข้ารับงานที่มากขึ้นกว่าเดิม เพราะการที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมาย นอกจากจะต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนจากกรรมการ ผู้บริหาร และทีมงานทุกส่วนแล้ว ยังต้องอาศัยประสบการณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามามีส่วนช่วยในการสนับสนุนอีกด้วย" นายเศรษฐศิริ กล่าว
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV กล่าวว่า จุดเด่นของ CV คือการเป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ครบวงจร ที่มุ่งเน้นพัฒนาและกระจายการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีจากพลังงานหมุนเวียนหลากหลายประเภท เช่น ชีวมวล ขยะ และก๊าซชีวภาพ เป็นต้น รวมถึงมีธุรกิจซื้อขายเชื้อเพลิงชีวมวลให้แก่ลูกค้าโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จากการเป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนด้วยตนเอง จึงสามารถบริหารจัดการต้นทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ โดยพร้อมที่จะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาอย่างยาวนาน ในด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เข้ามาช่วยส่งเสริม และพัฒนาต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ รวมถึงการเปิดโอกาสให้ CV ในการหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่ง เพื่อต่อยอดผลการดำเนินงานให้เติบโตแบบยั่งยืน รวมถึงจะเข้ามาผลักดันผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆมิติ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CV กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวน 3,840 ล้านหุ้น ซึ่งจะขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองสิทธิ์เพิ่มทุนจะได้สิทธิ์รับวอแรนต์ด้วย และหากยังไม่ครบถ้วน บริษัทยังสามารถขายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) เพิ่มเติมได้เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เตรียมขออนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งเงินเพิ่มทุนส่วนหนึ่ง บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการซื้อหุ้นบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX) จากผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าว ซึ่งประกอบธุรกิจจัดการซากรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน (Dismantle Recycling) รวมทั้งการแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงแข็ง (Solid Recovered Fuel: SRF) และธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยบริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในการส่งเสริมซึ่งกันและกันทางธุรกิจ (Business synergy) และความได้เปรียบของบริษัทในแง่การประหยัดต้นทุนต่างๆ ในการผลิต อันเกิดจากการประหยัดเนื่องมาจากขนาด (Economies of Scale) สืบเนื่องจากการที่บริษัทฯ มีธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ได้แก่ โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ธุรกิจงานให้บริการทางวิศวกรรมก่อสร้าง และธุรกิจการขายเชื้อเพลิง เป็นต้น
นอกจากนี้ แผนการเพิ่มทุนของบริษัทอีกส่วนนึง จะนำมาใช้เพื่อสนับสนุนการเข้าซื้อบ่อฝังกลบขยะชุมชนและอุตสาหกรรม (Landfill) ในประเทศออสเตรเลีย เพื่อขยาย Portfolio ทำให้ CV ยังมีโอกาสที่จะรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากการเข้าซื้อดังกล่าว โดยบริษัทฯ มองว่าธุรกิจ Landfill ในออสเตรเลียจะเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญกับธุรกิจของ CV เพราะสามารถต่อยอดการพัฒนาโครงการต่างๆ จาก Landfill ได้อย่างมากมาย และถือเป็นการสร้างการเติบโตของธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศออสเตรเลียได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันธุรกิจให้เป็นอีกหนึ่ง Renewable Energy Hub แบบครบวงจรมากขึ้นในรัฐ Western Australia ประเทศออสเตรเลีย โดยเริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการการจัดเก็บขยะ กระบวนการรีไซเคิลต่างๆ ตลอดจนการแปรรูปขยะ ซึ่งสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทฯ ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจโรงไฟฟ้าต่างๆ ธุรกิจขยะอุตสาหกรรม Solar และอื่นๆ ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีทั้งในเรื่องของ Portfolio และความมั่นคงทางธุรกิจ ที่จะช่วยสร้างความเติบโตให้กับกลุ่มได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าในปี 2567 เป็นปีทองของธุรกิจพลังงานสะอาดที่ทั่วโลกและประเทศไทยเอง มีความตื่นตัวในเรื่องการเผชิญภาวะฉุกเฉินทางสภาพภูมิอากาศ ซึ่งถือเป็นการสอดรับกับความตั้งใจของ CV ที่จะจับมือกับพันธมิตรใหม่เพื่อขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่จะสามารถช่วยสร้างความเติบโต และรายได้ที่มั่นคง ประกอบกับ ธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจเชื้อเพลิง Solid Recovered Fuel (SRF) หรือ Refuse Derived Fuel (RDF) จากขยะของ CV เป็นการต่อยอดเพื่อให้ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนถ่านหิน อีกทั้ง มีแผนที่จะนำเอานวัตกรรม เทคโนโลยีสีเขียว รวมถึงประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ในการจัดการ Carbon Credit, REC ที่จะตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมในการมุ่งสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero ให้เร็วมากยิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันโลกได้เปลี่ยนถ่ายจากภาวะโลกร้อน เข้าสู่ยุคโลกเดือด (Global Boiling) การเตรียมพร้อมรับมือจึงเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง