พร้อมรับมือวิกฤตโลกร้อนด้วยการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดในงาน ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2023
กระทรวงพลังงาน สมาคมยานยนต์ไฟฟ้า และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เชื่อมไทยสู่เวทีระดับภูมิภาค พร้อมรับมือวิกฤตโลกร้อนด้วยการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดในงาน ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2023
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เชื่อมโอกาสไทยสู่ภูมิภาคอาเซียน ผสานความร่วมมือ กระทรวงพลังงาน สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และภาคีเครือข่ายภาครัฐ-เอกชน พร้อมรับมือวิกฤตโลกร้อนด้วยการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาด เดินหน้าเปิดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) และ Electric Vehicle Asia (EVA) 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 33 งานมหกรรมเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ครบครันที่สุดของภูมิภาค
ปัญหาเรื่อง การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่มีผลต่อทุกภูมิภาคในโลก ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตทุกระบบนิเวศในวงกว้าง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้มีการประกาศว่าโลกของเราก้าวข้ามจากยุค "ภาวะโลกร้อน" ไปสู่ "ภาวะโลกเดือด" และที่สำคัญมีการคาดการณ์ว่าหากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส จะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นวันนี้ทุกภาคส่วนต้องเตรียมพร้อมรับมือและทำงานร่วมกันเพื่อเร่งแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเร็ววัน ประเทศไทยวางเป้าหมายเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จากความสำคัญดังกล่าวผนวกกับการขานรับนโยบายพลังงานสะอาดของไทย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการจัดงานแสดงสินค้า และกิจกรรมทางธุรกิจระดับภูมิภาค สานต่อความร่วมมือกระทรวงพลังงาน สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมทั้งจากไทยและต่างประเทศ ร่วมกันเปิดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) และ ELECTRIC VEHICLE ASIA (EVA) 2023 เพื่อเชื่อมต่อโอกาส สร้างองค์ความรู้และขยายกรอบการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนขานรับนโยบายสำคัญขับเคลื่อนไทยเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยกระทรวงพลังงานได้เดินหน้าเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนจากภาคพลังงานเพื่อให้สอดคล้องกับแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan: NEP) ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและพลังงานที่ยั่งยืน อาทิ การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดสำหรับการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าใหม่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ภายในปี ค.ศ. 2040 รวมทั้งส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้มีสัดส่วนร้อยละ 30 ภายในปี ค.ศ.2030 โดยวางเป้าหมายที่สำคัญให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคสังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต ซึ่งกระทรวงพลังงานเชื่อมั่นว่าเวทีนี้จะเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับทุกภาคส่วนเพื่อขานรับกับเป้าหมายของประเทศที่กำหนดไว้ต่อไป
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ตามท้องถนนเราเห็นยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งสถานีชาร์จที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศกว่า 4,600 แห่ง โดยอุปสงค์ดังกล่าวได้รับการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐ อาทิ นโยบายลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการให้เงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคันสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ โดยทางสมาคมฯ เราถือเป็นอีกภาคส่วนที่เข้ามาเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าให้กับผู้ใช้งาน ผู้ประกอบการ ตลอดจนผู้ผลิต ผ่านเวทีการจัดงานสำคัญระดับภูมิภาคอย่าง EVA 2023 โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 8 ภายในงานมีการจัดสัมมนาวิชาการ iEVTech 2023 ในหัวข้อ Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem เพื่อร่วมกันอัปเดรตเทรนด์และทิศทาง รวมถึงโอกาสและความได้เปรียบของไทยเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะสร้างประโยชน์ในวงกว้างให้กับผู้เข้าร่วมงาน ตลอดจนสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับยานยนต์พลังงานสะอาดให้กับสังคมไทยมากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายในอนาคตร่วมกันสู่การเป็นศูนย์กลางด้านยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค
นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศผ่านการจัดงาน ASEAN SUSTAINABLE ENERGY WEEK ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกภาคส่วนนำโดยกระทรวงพลังงาน สมาคม สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และเครือข่ายของพันธมิตรด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมชั้นนำจากทั่วโลก โดยการจัดงานในปีนี้ชูแนวคิด "Powering the Clean Energy Transition Toward Carbon Neutrality Goal" หรือ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งเวทีนี้ที่จัดต่อเนื่องมากว่า 3 ทศวรรษ เราเชื่อมั่นว่างานนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการนำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต สอดรับกับเป้าหมายของโลก
สำหรับการจัดงานในปีนี้ ได้ขนทัพเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมครบวงจร บนพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม.โดยได้รวบรวมแบรนด์ชั้นนำระดับโลกกว่า 1,500 แบรนด์ อาทิ ABB, Delta, Oriental Copper, Anest Iwata และ Siemens เป็นต้น พร้อมพาวิเลียนนานาชาติกว่า 8 ประเทศ ทั้ง เยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลี จีน สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และไต้หวัน เพื่อเชื่อมโอกาสและสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายทางธุรกิจจากทั่วโลก และไฮไลท์ที่สำคัญคือ การประชุมและสัมมนาระดับนานาชาติกว่า 200 หัวข้อ โดยครอบคลุมในด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ได้จัดร่วมกับงาน Electric Vehicle Asia (EVA) 2023 อีกเวทีสำคัญของวงการยานยนต์ไฟฟ้าที่รวบรวมผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องใน EV Eco System และ Value Chain ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำไว้ในงานเดียว โดยเฉพาะการประชุมนานาชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้า iEVTech 2023 ที่ในปีนี้ได้ขนทัพกูรูชื่อดังในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า มาอัปเดรตเทรนด์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างพื้นฐาน แบตเตอรี่ และยานยนต์ไร้คนขับ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 25,000 คน จากทั่วภูมิภาค โดยทุกภาคส่วนเชื่อมั่นว่า "เวทีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของภูมิภาคในอนาคต"
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งสู่การขานรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดครั้งสำคัญในงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) และ Electric Vehicle Asia (EVA) 2023 ปีนี้จัดควบคู่กับงาน Pumps & Valves Asia (PVA) 2023 งานแสดงเทคโนโลยีเฉพาะทางที่รวมเทคโนโลยีด้านปั๊ม วาล์ว ท่อ ข้อต่อ และอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ระดับภูมิภาค โดยการจัดงานทั้งหมดนี้ถือเป็นเวทีระดับภูมิภาคหนึ่งเดียวของไทยที่รวบรวมนวัตกรรม และเทคโนโลยีสีเขียว ที่ครบครัน และใหญ่ที่สุดแห่งปีไว้ในงานเดียว จัดระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-1 ก.ย.66 ที่ ฮอลล์ 1-4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.asew-expo.com และ www.evasia-expo.com หรือโทร 02-0360500