สกสว. - สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมมือหน่วยงานภาคีเครือข่าย ติดตามการจัดทำฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการไฟระดับชุมชนและแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ปฏิบัติการนวัตกรรมภาครัฐ พร้อมหารือแก้ปัญหาการทำกินและที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าสงวนจังหวัดเชียงใหม่ โดย สกสว. พร้อมสนับสนุนงบประมาณวิจัยและข้อมูลวิจัยและนวัตกรรมสู่การแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5
สำนักงานคณะกรรมส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำโดย รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. คุณวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ คุณนิสากร จึงเจริญธรรม ที่ปรึกษา สกสว. ศ. ดร.พีระพงศ์ ทีฆสกุล คณะอนุกรรมการจัดทำแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการจัดการกรอบวงเงินงบประมาณ รศ. ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการ สกสว. ร่วมสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) นำโดย ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการเกี่ยวกับการส่งเสริมการบริหารภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม และคุณอารีพันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร. และหน่วยงานภาคีเครือข่าย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) มูลนิธิธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDi) สถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ประชุมติดตามการบริหารจัดการไฟระดับชุมชนและแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ปฏิบัติการนวัตกรรมภาครัฐ (Government Innovation Lab) โดยมี คุณชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์
โอกาสนี้ รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า สกสว. มีหน้าที่จัดทำนโยบาย แผนยุทธศาสตร์ และกรอบงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ของประเทศ รวมถึงบริหารระบบงบประมาณด้าน ววน. ผ่านการจัดสรรงบประมาณจากกองทุน ววน. ให้กับหน่วยงานในระบบทุกมิติ สำหรับปัญหาวิกฤตมลพิษฝุ่น PM2.5 สกสว. ได้เตรียมการสนับสนุนงบประมาณวิจัยผ่านแผนงาน "แก้ไขปัญหาและตอบสนองภาวะวิกฤติเร่งด่วนของประเทศ" ปีงบประมาณ 2566 แผนงานย่อยรายประเด็น "งานวิจัยและการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเร่งด่วนฝุ่นละออง PM2.5 แบบมุ่งเป้าและบูรณาการ" โดยการมีส่วนร่วม ประสานองค์ความรู้ ร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ การขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ปฏิบัติการนวัตกรรมภาครัฐ ร่วมกับ สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานภาคี นั้น ทาง สกสว. พร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลด้านวิจัยและนวัตกรรม ที่ได้มีการออกแบบโดยการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์สังเคราะห์งานวิจัยเชิงพื้นที่มาปรับการทำงานให้ตรงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ปฏิบัติการเป้าหมาย ผ่าน 5 ประเด็นสำคัญ คือ 1) ภาคเกษตร 2) ภาคป่าไม้ 3) ภาคคมนาคม 4) ฝุ่นควันข้ามแดน และ 5) ระบบข้อมูล เพื่อหนุนเสริมข้อมูลทางวิชาการให้เกิดการใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์ให้เกิดการดำเนินงานร่วมกันได้ตรงเป้าหมายและมีความยั่งยืน
ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการเกี่ยวกับการส่งเสริมการบริหารภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม กล่าวถึงการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ระหว่างหน่วยงานภาคีเครือข่าย ที่ได้มีการดำเนินงานใน 2 พื้นที่ คือ 1) อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เน้นเรื่องการจัดการไฟป่า และ 2) อำเภอแม่แจ่ม เน้นเรื่องการจัดการไฟป่าและไฟในพื้นที่เกษตร ภายใต้แนวคิดให้ชุมชนเป็นแกนหลัก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นแกนประสานหน่วยงานในระดับกลาง ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กรมอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นแกนหนุนเสริม ซึ่งจะไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เป็นฤดูกาล แต่เป็นการออกแบบบริหารจัดการให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเตรียมขยายผลไปสู่จังหวัดอื่น ๆ
ด้าน คุณชัชวาลย์ ปัญญา กล่าวว่า ทาง จ.เชียงใหม่ ได้มีการวางแผนบูรณาการของหน่วยงานภายในจังหวัด โดยในปีนี้จะดำเนินการด้านการบริหารจัดการเชื้อเพลิง บริหารจัดการไฟที่จำเป็น เพื่อลดจุด Hotspot ในแต่ละพื้นที่ ไม่ให้เกิดการลุกลามเข้าไปในป่าที่จะส่งผลให้ควบคุมได้ยาก นับเป็นโจทย์ที่ต้องคิดต่อว่าจะดำเนินการแก้ไขอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน สำหรับ จ.เชียงใหม่ ถือเป็นพื้นที่ได้เปรียบในการใช้ชีวมวลในการทำมูลค่าเพิ่ม ที่กำลังเป็นเทรนด์ของโลก และยังเป็นการลดการเผาในภาคการเกษตร สำหรับการร่วมมือขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ปฎิบัติการนวัตกรรมภาครัฐ ครั้งนี้ จะเข้ามาช่วยสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการและการจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เป็นอย่างมาก
โดยในที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็นต่าง ๆ คือ 1) การทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับภารกิจ การดำเนินงานใน 2 พื้นที่ปฏิบัติการนวัตกรรมภาครัฐ 2) แนวทางทำงานร่วมกันตามรูปแบบภาคีการพัฒนาร่วม 3 ฝ่าย รัฐ-ชุมชน-เอกชน และ 3) กิจกรรมการดำเนินงานที่ภาคเอกชนสามารถร่วมสนับสนุนดำเนินการ เพื่อการป้องกันจัดการปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 เพราะปัญหาดังกล่าว เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่ากำลังของภาครัฐฝ่ายเดียว ซึ่งผลกระทบจากฝุ่นพิษมีผลต่อทุกภาคส่วนและมีต้นทุนมากขึ้นทุกปี ขณะที่การป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 นั้น ต้องใช้เครื่องมือหลายประเภท ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เศรษฐศาสตร์ สังคม รวมทั้งนวัตกรรมในด้านต่าง ๆ
ทั้งนี้ ได้มีการวางแนวทางการขับเคลื่อน 8 แนวทางหลักสำคัญ ที่สามารถดำเนินการในรูปแบบเดียวกัน และแตกต่างกันตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ดังนี้ 1) การพัฒนาระบบฐานข้อมูลและเครือข่าย 2) การจัดการไฟในพื้นที่ป่า 3) การจัดการไฟพื้นที่เกษตร 4) การจัดการไฟพื้นที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) 5) การพัฒนาระบบการติดตาม 6) การกำหนดตัวชี้วัด 7) การสร้างกลไกการบริหารจัดการ และ 8) การพัฒนาชุดความรู้และงานวิชาการเกี่ยวกับการจัดการไฟ ไร่หมุนเวียน และการสื่อสารสาธารณะ
สำหรับ การลงพื้นที่แนวกันไฟป่าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ดอยปุย นั้น หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ-ปุย เปิดเผยว่า ทางอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับภาคีเครือข่ายและชุมชน ในการป้องกันไฟป่าด้วยการทำแนวป้องกันไฟป่าในพื้นที่เสี่ยงของชุมชน การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ การลาดตระเวนตรวจหาไฟป่าในพื้นที่ชุมชน การตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่ชุมชน การปฏิบัติงานในฤดูไฟป่า ด้วยการจัดชุดลาดตระเวนร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัครป้องกันไฟป่าชุมชน การตรวจสอบจุดความร้อน Hotspot ทั้งนี้ หากเกิดไฟป่าขึ้นจะมีการแจ้งให้ชุดดับไฟเคลื่อนที่ที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุที่สุดเข้าระงับไฟ หากเกินขีดจำกัดของหน่วยดับไฟป่าเคลื่อนที่ จะมีการประสานขอกำลังสนับสนุนจากหน่วยงานในคณะทำงานของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ เข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม