นายศุภพิพัฒน์ บัลนาลังก์ ผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกรุงเทพมหานคร (สงต.) กทม.กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนชาวต่างชาติลักลอบเร่ขายสินค้า และเปิดแผงค้าขายอาหาร เครื่องดื่ม ในตลาดนัดจตุจักรว่า สงต.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้มาใช้บริการตลาดนัดจตุจักรและผู้ค้าเจ้าของแผงค้าในวันอังคาร-วันอาทิตย์ โดยเฉพาะวันเสาร์-วันอาทิตย์ มีคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาลักลอบเข้ามาประกอบการค้า นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายบริเวณหน้าร้าน หรือเร่ขายของจำนวนมาก ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้ประกอบการค้าและแย่งอาชีพคนไทย ซึ่งการทำงานดังกล่าวผิดเงื่อนไขกระทบต่อสิทธิของผู้ค้าภายในตลาดนัดจตุจักรและผู้ค้าบางราย อาจจะเข้าข่ายการกระทำความผิดรับคนต่างด้าวทำงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ หรือรับคนต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าว
สงต.จึงได้ประสานความร่วมมือสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอธิบดีกรมการจัดหางานนำกำลังเข้าพื้นที่ปิดล้อมตรวจสอบบริเวณตลาดนัดจตุจักร โดยสามารถติดตามจับกุมตัวได้ 5 ราย แบ่งเป็น สัญชาติกัมพูชา 3 ราย และสัญชาติเมียนมา 2 ราย ซึ่งมีพฤติการณ์เร่ขายอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้รถเข็นเคลื่อนที่และแผงลอยแบบชั่วคราว ทั้งนี้ ผู้ถูกจับกุมบางรายไม่สามารถแสดงเอกสารหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงานให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ บางรายมีหนังสือเดินทาง แต่การอนุญาตสิ้นสุด หรือได้รับการผ่อนผันการตรวจลงตราให้เดินทางเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม สงต.ได้เพิ่มความเข้มงวดกวดขันตรวจสอบกรณีพบคนต่างด้าวลักลอบเร่ขายสินค้า รวมถึงเปิดแผงค้าขายอาหารเครื่องดื่มแย่งอาชีพคนไทยในตลาดนัดจตุจักรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเร่ขายสินค้าเป็นงานต้องห้าม คนต่างด้าวไม่สามารถทำได้ อันเป็นความผิดตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 สำหรับตัวบุคคลต่างด้าวมีโทษปรับ 5,000-50,000 บาท ส่วนนายจ้างจะมีโทษปรับสูงสุดถึง 100,000 บาท การตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทย หรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด