กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน (CK07OA, CK09OA และ CK09OB) ของ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ในขณะเดียวกันได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ของบริษัท (CK#1/2548, CK#2/2548 และ CK#3/2548) ที่ระดับ “A-” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ผลงานโครงการก่อสร้างสำหรับภาครัฐที่เป็นที่ยอมรับ รายได้ที่สม่ำเสมอจากการลงทุนในกิจการสัมปทาน และการลงทุนในโครงการสาธาณูปโภคของภาครัฐในอนาคต อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความผันผวนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และโครงสร้างเงินทุนที่มีการใช้เงินกู้ในระดับสูง
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันประมูลงานโครงการภาครัฐต่อไปได้ โดยเงินจากการเพิ่มทุนและการขายหุ้นในกิจการสัมปทานคาดว่าจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้มีน้อยกว่า 2 เท่าภายในสิ้นปีนี้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัท ช. การช่างเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศ บริษัทมีแหล่งรายได้หลักจากงานรับเหมาก่อสร้างภาครัฐซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของรายได้จากงานก่อสร้างทั้งหมดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ณ เดือนพฤษภาคม 2548 บริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างคงค้างมูลค่า 24,215 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 7,013 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 โดยมีมูลค่างานโครงการวงแหวนด้านใต้คิดเป็น 58% ของมูลค่ารวม ทั้งนี้ มูลค่ารวมดังกล่าวน่าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี
บริษัทมีการขยายธุรกิจสู่การลงทุนในกิจการสัมปทาน โดยรายได้จากกิจการสัมปทานเป็นแหล่งรายได้ที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพเมื่อเปรียบเทียบกับวัฏจักรของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งมีความผันผวนค่อนข้างสูง โดยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2548 เงินลงทุนรวมในกิจการสัมปทานของบริษัทมีมูลค่า 8,030 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงการถือหุ้น 15.56% ใน บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) (2,421 ล้านบาท) 29.36% ใน บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (BMCL) (2,579 ล้านบาท) 29.1% ใน บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด (PTW) (357 ล้านบาท) และ 49.99% ใน บริษัท ประปาไทย จำกัด (TTW) (2,673 ล้านบาท) โดยบริษัทมีรายได้เงินปันผลจาก BECL มูลค่า 110 ล้านบาท และ 274 ล้านบาทสำหรับผลการดำเนินงานปี 2546 และปี 2547 ตามลำดับ
ณ เดือนมีนาคม 2548 บริษัทมีเงินกู้รวม 13,338 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6,163 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2546 เนื่องจากมีการลงทุนเพิ่มในกิจการสัมปทาน 2,000 ล้านบาทและเงินกู้สำหรับโครงการวงแหวนด้านใต้ 2,500 ล้านบาท ในอนาคตคาดว่าระดับเงินกู้ของบริษัทจะลดลงเนื่องจากบริษัทมีแผนเพิ่มทุนและลดสัดส่วนการลงทุนในกิจการสัมปทานเพื่อนำมาใช้ชำระหนี้เงินกู้บางส่วน ทริสเรทติ้งกล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ--จบ--