มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น แถลงผลประกอบการทั่วโลก หลังจบปีงบประมาณ 2550 พร้อมตัวเลขคาดการณ์ปีงบประมาณ 2551

ข่าวยานยนต์ Wednesday April 30, 2008 14:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--มิตซูบิชิ มอเตอร์
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกาศผลประกอบการทั่วโลกหลังจบปีงบประมาณ 2550 เมื่อมีนาคม 2551 พร้อมคาดการณ์ปีงบประมาณ 2551
1. ผลประกอบการปีงบประมาณ 2550
(1) ภาพรวม
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประกาศผลประกอบการหลังจบปีงบประมาณ 2550 มีตัวเลขรายได้กว่า 2,682.1 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณที่ผ่านมา 479.2 พันล้านเยน หรือประมาณ 22 % ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยอดขายปลีกทั่วโลกที่สูงขึ้นกว่าปีงบประมาณ 2549 ถึง 10 % และผลจากการลงนามเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเพื่อป้อนโรงงานรถยนต์โดยตรง (Original Equipment Manufacturers หรือ OEM) ให้กับบริษัท PSA Peugeot Citroen รวมไปถึงการได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยน
โดยบริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าใช้จ่าย (Operating profit) ที่ 108.6 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 2.7 เท่า หรือประมาณ 68.4 พันล้านเยน ทั้งนี้เป็นผลมาจากยอดขายที่เติบโตขึ้นและผลกำไรจากการมีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ทั้งในในยุโรป เอเชีย และประเทศอื่นๆ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน และการลดต้นทุนการผลิตซึ่งสามารถชดเชยต้นทุนการขายที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในอเมริกา และปัจจัยอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงผลกำไรที่ลดลงของบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับไฟแนนซ์รถยนต์ในอเมริกาเมื่อปีที่ผ่านมา
ในส่วนของผลกำไรที่เกิดขึ้นการดำเนินกิจการหลังหักค่าใช้จ่าย (Ordinary profit) ของบริษัท อยู่ที่ 85.7 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 67.2 พันล้านเยน หรือ 4.6 เท่าของปีที่ผ่านมา และรายได้สุทธิของบริษัท อยู่ที่ 34.7 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณที่ผ่านมา 26 พันล้านเยน โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตทำให้บริษัทกลับมามีกำไรได้แก่การปรับโครงสร้างการปฏิบัติการ ต้นทุนที่สดลงจากการปิดโรงงานประกอบรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ออสเตรเลีย รวมไปถึงการขาดทุนที่ลดลงในญี่ปุ่นและอเมริกา
สำหรับปีงบประมาณ 2550 ถือเป็นปีที่สองติดต่อกันที่มิตซูบิชิมีผลกำไรเพิ่มขึ้นในทุกส่วนของการดำเนินงาน (ผลกำไรก่อนหักค่าใช้จ่าย, ผลกำไรหลังหักค่าใช้จ่าย และกำไรสุทธิ) และได้แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างผลกำไรและโครงสร้างการปฏิบัติงาน ยิ่งไปกว่านั้นตัวเลขผลกำไรที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังหักค่าใช้จ่ายสำหรับปีงบประมาณ 2550 ยังถือเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัทอีกด้วย
(2) ยอดขาย
ในส่วนของยอดขาย หลังจบปีงบประมาณ 2550 (มีนาคม 2551) มิตซูบิชิ มียอดขายปลีกรถยนต์ทั่วโลกของอยู่ที่ 1,359,000 คัน เพิ่มขึ้น 10 % หรือประมาณ 129,000 คันเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2549 ที่มียอดขายอยู่ที่ 1,230,000 คัน โดยประเทศญี่ปุ่น มิตซูบิชิ มียอดขายอยู่ที่ 219,000 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 11 % หรือประมาณ 28,000 คัน จากสถานการณ์ของตลาดในประเทศที่ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น การแนะนำมิตซูบิชิ Dilica D:5 , Galant Fortis (มิตซูบิชิ แลนเซอร์ สำหรับตลาดต่างประเทศ) และ Lancer Evolution X ( แลนเซอร์ อีโวลูชั่น 10) ในระหว่างปีงบประมาณ 2550 ได้ช่วยให้บริษัทกลับมามียอดขายที่เพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง
ในขณะที่อเมริกาเหนือ มียอดขาย 172,000 คัน เติบโตขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้านี้ โดยยอดขายได้ลดลงในช่วงครึ่งปีหลังเป็นผลมาจากวิกฤติสินเชื่อที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอตัวในการใช้จ่ายเงินเนื่องจากไม่มั่นใจในตลาดอเมริกา รวมทั้งการแข่งขันที่รุนแรง มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ และแลนเซอร์ ใหม่ ในช่วงครึ่งปีแรก รวมทั้งยอดขายที่เติบโตขึ้นกว่า 51 % ในแคนาดา ทำให้บริษัทฯ มียอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 5% หลังจบปีงบประมาณ 2550
สำหรับตลาดในยุโรป มิตซูบิชิมียอดขายอยู่ที่ 341,000 คัน เติบโตขึ้น 21% หรือประมาณ 59,000 คัน โดยเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่เติบโตในรัสเซีย ซึ่งมียอดขายที่เติบโตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 54% โดยมียอดขายอยู่ที่ 100,000 คันต่อปี รวมไปถึงยอดขายในยูเครนที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเป็นปีที่สอง และยอดขายในประเทศกลุ่มยุโรปกลางที่เติบโตขึ้นถึง44 %
สำหรับในภูมิภาคเอเชีย และอื่นๆ มิตซูบิชิ มียอดขายอยู่ที่ 627,000 คัน เพิ่มขึ้น 17 % หรือ 90,000 คัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากยอดขายของมิตซูบิชิไทรทัน และมิตซูบิชิ ปาเจโร ในอเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียและอาเซียน
2. คาดการณ์ปีงบประมาณ 2551
(1) ภาพรวม
สำหรับปีงบประมาณ 2551 มิตซูบิชิตั้งเป้ายอดขายรถยนต์สำเร็จรูปทั่วโลกไว้ที่ 1,128,000 คัน หรือเติบโตขึ้น 3 % จากการการขายรถยนต์มิตซูบิชิทั่วโลก เนื่องจากการส่งออกชิ้นส่วนสำหรับการประกอบรถยนต์ในกลุ่มประเทศเอเชียเหนือ และอาเซียนลดลง รวมทั้งจากความต้องการที่ลดลงในประเทศญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือ บริษัทฯ จึงคาดการณ์ยอดขายปลีกทั่วโลกอยู่ที่ 1,309,000 คัน ลดลง 4% หรือ ประมาณ 50,000 คัน เมื่อเทียบกับปีงบประมาณที่ผ่านมา โดยได้ตั้งเป้ายอดขายในแต่ละภูมิภาคดังนี้
ประเทศญี่ปุ่น 207,000 คัน ลดลง 5 % หรือประมาณ 12,000 คันเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
อเมริกาเหนือ 145,000 คัน ลดลง 16 % หรือประมาณ 27,000 คัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมากจากการปรับการขายของประเทศเปอร์โตริโกให้มาอยู่ในกลุ่มประเทศเอเชียและประเทศอื่น ๆ
ยุโรป 388,000 คัน เติบโตขึ้น 14 % หรือประมาณ 47,000 คัน
เอเชีย และประเทศอื่นๆ 569,000 คัน ลดลง 9 % หรือประมาณ 58,000 คัน ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการส่งออกชิ้นส่วนให้กับ PROTON Holdings Berhad ในประเทศมาเลเซียที่ลดลง เนื่องจากมีการยกเลิกการประกอบรถยนต์ที่มีพื้นฐานมาจากรถยนต์มิตซูบิชิ
การมียอดขายที่ลดลงข้างต้น และผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้มิตซูบิชิคาดการณ์ยอดขายสุทธิในปีงบประมาณ 2551 อยู่ที่ 2,650 พันล้านเยน ลดลง 1% หรือ 32.1 พันล้านเยน จากปีงบประมาณ 2550 โดยคาดการณ์ผลกำไรก่อนหักค่าใช้จ่าย (operating profit ) อยู่ที่ 60 พันล้านเยน ลดลงจากปีงบประมาณ2550 48.6 พันล้านเยน สำหรับตัวเลขที่ลดลงเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ค่าเงินเยนที่แข็งตัวขึ้น และราคาของวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้บริษัทฯ จะพยายามลดผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวด้วยการเพิ่มรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และจากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ให้กำไรมากขึ้นทั้งในยุโรป เอเชีย และภูมิภาคอื่นๆ พร้อมๆ ไปกับการลดต้นทุนการผลิต และการปรับโครงสร้างการปฏิบัติงานใหม่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินงาน ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ผลกำไร หลังหักค่าใช้จ่าย (ordinary profit) อยู่ที่ 48 พันล้านเยน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 37.7 พันล้านเยน และผลกำไรสุทธิทั้งปี อยู่ที่ 20 พันล้านเยน ลดลงจากปีงบประมาณ 2550 ประมาณ 14.7 พันล้านเยน
(2) แนวทางในการดำเนินงานในภูมิภาคต่างๆ
เนื่องจากปีงบประมาณ 2551 เป็นปีแรกของการเริ่มต้นแผน ธุรกิจระยะกลางภายใต้ชื่อ Step up 2010 ดังนั้นในปีนี้บริษัทจะเข้าไปดูแลในส่วนของมาตรการ และการดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยจะครอบคลุมไปถึงด้านการผลิต การขาย และ การทำงานของพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทฯจะสามารถเดินหน้าไปอย่างมั่นคงตามจุดมุ่งหมายสำคัญของแผนการสร้างพื้นฐานของการเติบโต “Building the foundations of growth” ตามที่วางไว้ได้
ญี่ปุ่น : จะมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ลงสู่ตลาด ทั้งรถแวกอนขนาดเล็ก (minicar wagon), Galant Fortis sport hatchback และรถยนต์ขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ และเพิ่มผลกำไรจากผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ด้วยการเพิ่มยอดจากโดยการเพิ่มทักษะและความสามารถในด้านการขายให้กับผู้จำหน่าย การพัฒนาการบริการหลังการขายและเพิ่มความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ผ่านการดูแลลูกค้าที่ดีขึ้น และการมีพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สร้างเครือข่ายการขายที่แข็งแกร่งและเปิดสาขาในภูมิภาคเพื่อดึงดูดลูกค้า
อมเริกาเหนือ : จะมีการเปิดตัวแลนเซอร์ อีโวลูชั่นซึ่งมาพร้อม Twin Clutch SST (Sport Shift Transmission) แลนเซอร์ แรลลี่อาร์ต และ แลนเซอร์ sport hatchback โดยสำหรับอเมริกาจะดำเนินการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งลดต้นทุนการผลิตในโรงงาน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับงานบริการหลังการขายในประเทศแคนาดา
ยุโรป : จะมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ลงสู่ตลาดเช่นเดียวกันโดยมีแผนจะแนะนำมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชุ่น และ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ - sport hatchback โดยในส่วนของยุโรปตะวันตก จะมีการแนะนำ มิตซูบิชิ โคล์ท ซึ่งมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ ในขณะที่ยุโรปกลางจะเน้นการเพิ่มยอดการขายรถ SUV รวมทั้งย้ายฐานการผลิตรถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์สำหรับตลาดยุโรปจากโรงงานในโอกาซากิ และมิซูชิม่า ไปยัง NedCar. นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายในรัสเซีย และยูเครน
เอเชียและภูมิภาคอื่นๆ : มิตซูบิชิมีแผนจะขยายธุรกิจการนำเข้ารถยนต์สำหรับเร็จรูป รวมทั้งรักษาเครือข่ายการจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิในประเทศจีน และอยู่ในขั้นตอนของการตัดสินใจดำเนินธุรกิจการนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปไปยังเกาหลี ทั้งนี้ในส่วนของอเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และ แอฟริกานั้นจะมีการสร้างบริษัทควบคุมการดำเนินงานทั้งในด้านการขาย การตลาด อะไหล่ และการบริการหลังการขาย ส่วนในออสเตรเลียก็สร้างความแข็งแกร่งโดยการนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปรุ่นต่างๆ มากยิ่งขึ้น
สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยนั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะยังคงเป็นฐานการผลิตรถกระบะที่สำคัญของมิตซูบิชิ โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่ขึ้นในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออก รวมทั้งมีแผนจะแนะนำมิตซูบิชิ Sporty SUV ใหม่สู่ตลาดเมืองไทยและตลาดโลกในปีนี้
ผกามาศ ผดุงศิลป์
ผู้อำนวยโครงการ การฝ่ายประชาสัมพันธ์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์
โทรศัพท์ 02-529-9117

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ