- ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการสนับสนุนเงินทุนระยะยาวแก่ ไทย-สิงค์ โพแทช เทรดดิ้ง ("TSPT") ด้วยเงินทุนเริ่มต้นที่ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 6 ปี
- อีธอส แอสเซส แมเนจเม้นท์ อิงค์ ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับ ไทย-สิงค์ โพแทช เทรดดิ้ง ในการจัดหาเงินทุนให้แก่บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (APPC) ผู้ได้รับสัมปทาน และผู้พัฒนาโครงการ ซึ่งถือหุ้นโดยอิตาเลี่ยน ไทย เดเวล๊อปเมนต์
- ความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจเหมืองแร่ภายใน 3 ปี โดยจะจัดหาแร่โพแทชให้กับประเทศ สร้างรายได้ให้ประเทศผ่านการส่งออก และก่อให้เกิดการจ้างงานในประเทศ
อีธอส แอสเซส แมเนจเม้นท์ อิงค์ (Ethos) ประกาศความร่วมมือในการจัดหาเงินระยะยาวให้กับ ไทย-สิงค์ โพแทช เทรดดิ้ง (Thai-Sing Potash Trading Pte. Ltd. (สิงค์โปร์)) ด้วยการจัดหาแหล่งเงินทุนเริ่มต้นที่ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีแรก และจัดหาเงินทุนต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในระยะเวลา 6 ปี โดยความร่วมมือครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจเหมืองแร่โพแทชของไทยที่พร้อมส่งมอบได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อใช้ประโยชน์ภายประเทศ รวมถึงสร้างรายได้จากการส่งออกแร่ส่วนที่เหลือไปยังผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายปุ๋ยทั่วโลกได้อีกด้วย
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำเข้าปุ๋ยรายใหญ่ที่สุดของโลก ในแต่ละปีประเทศไทยนำเข้าปุ๋ยมากกว่า 5 ล้านตันจากผู้ผลิตทั้งในเอเชียและยุโรปโดยเฉพาะประเทศเบลารุสและรัสเซีย อย่างไรก็ตามสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อซัพพลายในตลาดโดยเฉพาะจาก 2 ประเทศนี้ และแม้ประเทศไทยสามารถผลิตปุ๋ยใช้งานภายในประเทศ แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย เมื่อเทียบกับความต้องการในประเทศที่มีอย่างมหาศาล
การพัฒนาเหมืองแร่โพแทชจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดการการนำเข้าปุ๋ยของประเทศได้อย่างมาก และยังช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ส่วนเกินไปยังตลาดโลก อีกทั้งโครงการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการจ้างงานให้กับประเทศ มีการพัฒนาชุมชนผ่านการฝึกอบรมและปฏิบัติงานในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ลดโอกาสการอพยพของแรงงานเข้าสู่เมืองใหญ่
คาลอส แซนโตส ประธานและซีอีโอของ Ethos กล่าวว่า "โครงการนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาธุรกิจเหมืองแร่และทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับประเทศไทย ภาคอุตสาหกรรม ภาคสังคม ประชาชนและชุมชน"
"โครงการนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศแล้วยังสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและชุมชน และยังช่วยสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น การปลูกป่าและการเพื่อขยายพื้นที่สีเขียวโดยรอบ การบริหารจัดการในการปกป้องดูแลแหล่งน้ำในท้องถิ่น ตลอดจนถึงการปรับปรุงสาธารณูปโภคและถนนหนทางในท้องถิ่นอีกด้วย"
ไทย-สิงค์ฯ และ เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น (APPC) เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการทำให้โครงการนี้เกิดขึ้น โดย ไทย-สิงค์ฯ ได้รับเงินทุนจาก Ethos ซึ่งจัดหาแหล่งเงินทุนจากสัญญาซื้อขายสินค้าล่วงหน้า ทั้งจากบริษัทผู้ซื้อและบริษัทตัวกลางระดับโลก ส่วน เอเชีย แปซิฟิค โปแตซ เป็นผู้พัฒนาโครงการภายใต้สัมปทานจากรัฐบาลไทย ได้ว่าจ้างและ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) เป็นผู้รับเหมาแบบครบวงจรและได้รับค่าตอบแทนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แก่ไทย-สิงค์ฯ
"การให้ความเคารพต่อชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียเป็นหัวใจสำคัญของโครงการนี้และ APPC เป็นบริษัทที่เหมาะสมในการเป็นพันธมิตรที่ดำเนินการควบคู่กับการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น" และต้องขอขอบคุณ โฮเซ ฟอนเซกา กรรมการบริษัท ไทย-สิงค์ฯ ผู้ที่ทำงานร่วมกับเราอย่างใกล้ชิด ด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้ข้อตกลงครั้งนี้เกิดขึ้น และขอขอบคุณ ป้อม วัฏฏะสิงห์ ผู้อำนวยการของ ไทย-สิงค์ฯ ที่ได้วางแผนงานและจัดหาแหล่งเงินทุนได้อย่างราบรื่น ทำให้เราสามารถบรรลุข้อตกลง และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ครั้งนี้" แซนโตสกล่าวเสริม
โฮเซ ฟอนเซกา กรรมการบริษัท ไทย-สิงค์ โพแทช เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า "ประเทศที่กำลังพัฒนาและประเทศอุตสาหกรรมของโลกต่างก็มีความต้องการที่จะเพิ่มกำลังการผลิตปุ๋ยให้มากขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของภาคเกษตรกรรม ซึ่งเหมืองแร่ของ เอเชีย แปซิฟิค โปแตช จะช่วยสนับสนุนความต้องการดังกล่าว ทั้งในภูมิภาคอาเซียนและในภูมิภาคอื่น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอีกด้วย"
ป้อม วัฏฏะสิงห์ ผู้อำนวยการของ ไทย-สิงค์ โพแทช เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า "โครงการนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดมิสเตอร์คาลอส แซนโตส (ประธานและซีอีโอของ Ethos) ที่ช่วยวางแผนจนเกิดดีลในครั้งนี้ และยังจัดการเรื่องเงินทุนที่จำเป็นได้จนประสบความสำเร็จทั้งในส่วนของบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชัน จำกัด และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ เชื่อว่าโครงการนี้จะส่งผลดีต่อประเทศไทย อุตสาหกรรม สังคม ชุมชน เกษตรกรของไทย และส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ"