กรมพัฒนาที่ดิน โชว์ความสำเร็จของการขับเคลื่อนระบบมาตรฐานห้องปฏิบัติการทดสอบดินสู่มาตรฐานสากล ISO/IEC 17025: 2017 กรณีการวิเคราะห์ค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน และค่าการนำไฟฟ้าของดิน ฝีมือคณะวิจัยสำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน พร้อมคัดเลือกให้ได้รางวัลชนะเลิศภาคบรรยาย สาขาวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2566
นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า เพื่อพัฒนาวิธีวิเคราะห์ และตรวจสอบความใช้ได้ของวิธีวิเคราะห์ค่าความเป็นกรด-ด่าง และค่าการนำไฟฟ้าของดิน และพัฒนาระบบบริหารงาน(ด้านวิชาการและด้านบริหาร) ของห้องปฏิบัติการทดสอบกรมพัฒนาที่ดิน ให้มีมาตรฐานในระดับสากล นำมาซึ่งความมั่นใจแก่ผู้ที่นำข้อมูลไปใช้ ทั้งเกษตรกร ภาครัฐ และภาคเอกชน ได้รับการยอมรับทั้งในระดับชาติและระดับสากล ตามนโยบายการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการวิจัย และนวัตกรรมกรมพัฒนาที่ดิน คณะนักวิจัยของสำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน ประกอบด้วย ดร.จุฑามาศ ไกรเพิ่ม, นางจิราพร สวยสม, นางอัจจิมา พงษ์จินดา และนางสาวกรกรนก เปรี่ยมหมื่นไวย์ ได้ดำเนินการศึกษาวิจัย และประสบผลสำเร็จในการขับเคลื่อนระบบมาตรฐานห้องปฏิบัติการทดสอบดิน และได้นำเสนอเป็นผลงานวิชาการ ภายใต้หัวข้อ "ความสำเร็จของการพัฒนาระบบมาตรฐานห้องปฏิบัติการทดสอบดินสู่มาตรฐาน ISO/IEC 17025: 2017 กรณีการวิเคราะห์ค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน และค่าการนำไฟฟ้าของดิน" ในการประชุมวิชาการประจำปี 2566 "ฟื้นฟูปฐพี สร้างสรรค์ดินดี ด้วยเทคโนโลยีพัฒนาที่ดิน" ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 4 - 6 กันยายน 2566 ณ โรงแรมเดอะกรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
"ด้วยเป็นผลงานที่ก่อประโยชน์ช่วยทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจในผลการวิเคราะห์ และคำแนะนำการจัดการดิน สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลการวิเคราะห์จะต้องมีความถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว ดังนั้น กรมพัฒนาที่ดิน จึงคัดเลือกให้ผลงาน "ความสำเร็จของการพัฒนาระบบมาตรฐานห้องปฏิบัติการทดสอบดินสู่มาตรฐาน ISO/IEC 17025: 2017 กรณีการวิเคราะห์ค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน และค่าการนำไฟฟ้าของดิน" ได้รับรางวัลชนะเลิศภาคบรรยาย สาขาวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ในการประชุมวิชาการประจำปี 2566 "ฟื้นฟูปฐพี สร้างสรรค์ดินดี ด้วยเทคโนโลยีพัฒนาที่ดิน" อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าว
ด้าน ดร.จุฑามาศ ไกรเพิ่ม ผู้อำนวยการกลุ่มวิทยบริการ สำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า การวิเคราะห์ค่าความเป็นกรด-ด่างของดินและค่าการนำไฟฟ้าของดิน ถือว่า มีความสำคัญต่อการให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการปรับปรุงดินให้มีความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช ด้วยดินเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญในการเพาะปลูกพืช ความเป็นกรด (Acidity) และความเป็นด่าง (Alkalinity) ของดิน เป็นสมบัติทางด้านเคมีดินที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการทางเคมีและชีวภาพในดิน ส่งผลกระทบต่อความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืช รวมถึงความเค็มของดินซึ่งมีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของพืช เพราะทำให้กระบวนการเมแทบอลิซึมของพืชผิดปกติ ส่งผลทำให้การงอกและการเจริญของพืชลดลง การวิเคราะห์ค่าความเป็นกรด-ด่างของดินและค่าการนำไฟฟ้าของดิน จึงมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงบำรุงดินให้มีความเหมาะสมกับการปลูกพืชแต่ละชนิด เพื่อให้เกษตรกรมีความมั่นใจในคำแนะนำการจัดการดิน สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.จุฑามาศ กล่าวต่อไปว่า ในฐานะที่ห้องปฏิบัติการกลุ่มวิทยบริการ สำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการให้บริการตรวจสอบดิน และประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินให้แก่เกษตรกร ภาครัฐ และภาคเอกชน จำเป็นต้องขับเคลื่อนระบบมาตรฐานห้องปฏิบัติการตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025:2017 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้รับบริการ โดยสิ่งสำคัญ คือ พัฒนาวิธีการวิเคราะห์ค่าความเป็นกรด-ด่างของดินและค่าการนำไฟฟ้าของดิน เพื่อให้ได้วิธีการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง โดยการเปรียบเทียบวิธีวิเคราะห์ของห้องปฏิบัติการกับวิธีวิเคราะห์ตามมาตรฐานสากล พร้อมมีการตรวจสอบความใช้ได้ของวิธีที่ได้พัฒนาขึ้น ด้วยการทดสอบคุณลักษณะด้านความแม่น (Accuracy) ความเที่ยง (Precision) และความคงทนของวิธีทดสอบ (Robustness) และพัฒนาระบบการบริหารงานของห้องปฏิบัติการทดสอบทั้งด้านวิชาการและด้านบริหารตามข้อกำหนดในระบบมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 อย่างเคร่งครัด
"จากการดำเนินการ ได้พัฒนาจนประสบผลสำเร็จใน 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่ หนึ่ง ได้วิธีวิเคราะห์ค่าความเป็นกรด-ด่างของดินและค่าการนำไฟฟ้าของดินที่เป็นมาตรฐานสากล สอง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นห้องปฏิบัติการที่ผ่านการรับรองความสามารถตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025: 2017 รวม 2 ขอบข่าย ได้แก่ การวิเคราะห์ค่าความเป็นกรด-ด่างของดินและค่าการนำไฟฟ้าของดิน ในปี 2562 จนถึงปัจจุบัน และสาม รายงานผลการตรวจวิเคราะห์ดินของห้องปฏิบัติการกลุ่มวิทยบริการมีความถูกต้อง แม่นยำ เป็นการสร้างความมั่นใจแก่ผู้ที่นำข้อมูลไปใช้ ทั้งเกษตรกร ภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้ได้รับการยอมรับทั้งในระดับชาติและระดับสากล" ดร.จุฑามาศ กล่าว