"หลักธรรมาภิบาล" หรือ Governance เป็นรากฐานที่สำคัญของทุกเสาหลัก (pillars) ภายใต้มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินโดยคณะทำงานเพื่อพัฒนากรอบการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures : TCFD) และมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับความยั่งยืนโดย International Sustainability Standards Board (ISSB) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันในระดับสากล*
ผู้เขียนขอชวนมาทำความเข้าใจหลักคิดในการนำ Governance มาใช้ในการบริหารจัดการโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ หรือที่เรียกกันว่า "Climate Governance" ในบริบทของผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางในตลาดทุน เช่น บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นต้น ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดทำบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ การให้คำแนะนำการลงทุน และการบริหารจัดการความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวของผู้ลงทุน
บทบาทของ "แม่ทัพ" และ "หัวเรือใหญ่" ในการขับเคลื่อน Climate Action
คณะกรรมการและคณะกรรมการบริหารของบริษัทเปรียบเสมือน "แม่ทัพ" และ "หัวเรือใหญ่" ผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและนโยบายในการดำเนินธุรกิจ แผนกลยุทธ์ รวมทั้งการผลักดันองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (good corporate governance) ซึ่งหลักการดังกล่าวถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนทุก ๆ องค์กรไปสู่การบรรลุเป้าหมายการให้บริการที่คำนึงถึงประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญและการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN SDGs) ซึ่งรวมถึงเป้าหมายที่ 13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) ด้วย
จากบทบาทหน้าที่ดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทจึงเป็นผู้ที่ต้องมีความตื่นตัว มีวิสัยทัศน์ เล็งเห็นถึงโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งให้ความสำคัญในการกำหนดทิศทาง และมอบแนวนโยบายที่ชัดเจน (set tone from the top) ให้แก่คณะกรรมการบริหารเพื่อนำไปถ่ายทอดสู่ระดับปฏิบัติการต่อไป
"Tone from the Top" เพื่อผลักดันวาระเร่งด่วนโลก
วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ มาพร้อมกับโอกาสและความเสี่ยงทางธุรกิจที่อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่นักวิเคราะห์การลงทุนจัดทำบทวิเคราะห์ หรือบริษัทจดทะเบียนในพอร์ตการลงทุนที่ผู้จัดการกองทุนบริหารจัดการลงทุนอยู่ โดยที่ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ต่อบริษัทใดบริษัทหนึ่งอาจอยู่ในรูปแบบและระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน รวมทั้งอาจเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นหรือยืดเยื้อในระยะยาว ซึ่งส่งผลให้นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนต้องหมั่นติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องก็เป็นได้
ดังนั้น การที่ บล. หรือ บลจ. แต่ละองค์กรมี tone from the top จากคณะกรรมการและคณะกรรมการบริหารที่ชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับการผนวกโอกาสและความเสี่ยงจาก climate change ในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ การให้คำแนะนำการลงทุน และการบริหารจัดการลงทุน นอกจากจะช่วยให้ทุกคนในองค์กรเห็นทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจนแล้ว ยังมีข้อดีอื่น ๆ ดังนี้
"หนทางไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรก"
สำหรับ บล. และ บลจ. ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร องค์กรและหน่วยงานสากล 7 แห่ง*** ได้ร่วมกันจัดทำตัวอย่างแผนการดำเนินการ (action plan) ด้าน climate change โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็นระยะต่าง ๆ เพื่อเป็นตัวช่วยผู้ประกอบธุรกิจในการจัดทำ action plan ที่เหมาะสมกับบริบทของตนเอง และมีทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจนต่อไป โดยผู้เขียนขอยกตัวอย่าง action plan ระยะเริ่มต้นในด้าน governance ดังนี้
1. การกำหนดแนวนโยบาย
- จัดทำแนวนโยบายและจัดให้มีถ้อยแถลงเกี่ยวกับแนวนโยบายขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับการคำนึงถึงโอกาสและความเสี่ยงจาก climate change ในการดำเนินธุรกิจ (กำหนด tone from the top)
- พัฒนาความเชื่อของบุคลากรเกี่ยวกับประโยชน์ในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ การให้คำแนะนำการลงทุน และการบริหารจัดการลงทุนที่คำนึงถึงโอกาสและความเสี่ยงจาก climate change โดยการสร้างความตระหนักรู้ว่าแนวนโยบายดังกล่าวจะช่วยสร้างมูลค่าในระยะยาวให้กับองค์กรและพอร์ตการลงทุนโดยรวมอย่างไร และสอดคล้องกับหลักการให้บริการด้วยความระมัดระวังและความน่าเชื่อถือไว้วางใจ (fiduciary duties) ที่พึงมีต่อผู้ลงทุนอย่างไร รวมทั้งการจัดอบรมพัฒนาให้บุคลากรมีความรู้ความเข้าใจว่าจะนำเรื่องดังกล่าวผนวกในกระบวนการทำงานอย่างไร
2. ความรับผิดชอบ
- กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบให้แก่บุคลากรในด้านการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยงและการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแนวนโยบายขององค์กร
3. การวางแผนและการประเมิน
- พัฒนาแผนกลยุทธ์และวางแผนการดำเนินงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรในการผนวกโอกาสและความเสี่ยงจาก climate change ในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ การให้คำแนะนำการลงทุน และการบริหารจัดการลงทุน
นอกจากนี้ ยังสามารถศึกษา action plan ด้าน governance ในระยะต่อ ๆ ไปได้จาก Investor Climate Action Plans (ฉบับปรับปรุง กรกฎาคม 2566) (https://theinvestoragenda.org/wp-content/uploads/2021/05/expectations-ladder.pdf) รวมทั้งแนวทางการผนวกโอกาสและความเสี่ยงจาก climate change ได้จากคู่มือเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศสำหรับผู้ประกอบธุรกิจจัดการลงทุน (https://theinvestoragenda.org/wp-content/uploads/2021/05/expectations-ladder.pdf) รวมทั้งสามารถศึกษา Guidance For Integrating ESG Information into Equity Analysis and Research Reports (https://rpc.cfainstitute.org/en/research/reports/2023/guidance-for-integrating-esg-information-into-equity-analysis-and-research-reports) ได้ผ่านเว็บไซต์ของ CFA Institute และ ก.ล.ต.
ดังที่กล่าวข้างต้นแล้วว่า ผู้นำหรือผู้บริหารองค์กรมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับองค์กร ผู้เขียนจึงหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ผู้บริหารของทุกองค์กร โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมี Climate Governance โดยมีวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการผนวกความเสี่ยงและโอกาสจาก climate change ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำพาตลาดทุนไปสู่ความยั่งยืนและช่วยให้ประเทศไทยก้าวไปสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำต่อไป