'บมจ. นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น' หรือ NAM พร้อมนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ปลื้มกระแสตอบรับนักลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์กลุ่มงานปราศจากเชื้อในประเทศไทย เดินหน้ายกระดับองค์กรเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยสู่ระดับโลก
คุณวิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ NAM เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ โดยใช้ชื่อย่อ 'NAM' ในการซื้อขายหลักทรัพย์ และเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ในการเป็นผู้ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ และให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร ทำให้มีความได้เปรียบและพร้อมต่อยอดสู่ความสำเร็จเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของไทยให้มีศักยภาพการแข่งขันอย่างยั่งยืนในระดับโลก
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงที่ผ่านมา จำนวนไม่เกิน 181 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 7.70 บาท นับว่าประสบความสำเร็จโดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพและพื้นฐานทางธุรกิจซึ่งมีความแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต ทำให้ NAM เป็นหุ้น IPO น้องใหม่ที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
บริษัทฯ มุ่งมั่นจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์กลุ่มงานปราศจากเชื้อ และให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมหน่วยงานทางการแพทย์แบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ ได้วางแผนขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน แบ่งเป็น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NAM กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสนใจขยายการเติบโตในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ (Healthcare) มากขึ้น โดยก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ ได้พิจารณาอนุมัติการลงทุนในบริษัทอุปกรณ์การแพทย์ในประเทศไต้หวัน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมสำหรับการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ หรือ Obstructive Sleep Apnea (OSA) โดยได้เล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตและสามารถนำองค์ความรู้มาต่อยอดได้ โดยบริษัทจะเข้าลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ มูลค่าไม่เกิน 40 ล้านบาท คาดว่าจะชำระเงินลงทุนดังกล่าวภายในสิ้นปี 2566 โดยใช้เงินส่วนหนึ่งที่ได้รับการจากเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ และ/หรือใช้กระแสเงินสดของบริษัทฯ ในการลงทุนโครงการดังกล่าว
คุณวราห์ สุจริตกุล Chairman บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า หลังจาก บมจ.นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น หรือ NAM ได้เปิดขายหุ้น IPO จำนวน 181 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 7.70 บาท ระหว่างวันที่ 19-20 และ 24 ตุลาคม 2566 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานที่ดีและมีศักยภาพการเติบโตสูง ประกอบกับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยและผู้สูงอายุ นโยบายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม การพัฒนาของเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงแนวโน้มการเพิ่มค่าใช้จ่ายและงบประมาณด้านสุขภาพของภาครัฐฯ เนื่องจากอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์เป็นสินค้าจำเป็นที่มีความสำคัญต่อสุขภาพ อีกทั้ง ด้วยความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมการผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์กลุ่มงานปราศจากเชื้อ และให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นสิ่งช่วยผลักดันที่ทำให้กระแสความสนใจหุ้นของ NAM ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
คุณวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า NAM ถือเป็นผู้นำในธุรกิจผลิต นำเข้า และจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งให้บริการแบบครบวงจร นับเป็นหนึ่งในธุรกิจที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก และถือเป็นบริษัทฯ ที่ช่วยสนับสนุนการแพทย์และระบบสาธารณสุข เพราะผลิตภัณฑ์และบริการของ NAM อยู่ในกระบวนการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ในระดับปราศจากเชื้อ (Sterilization) ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การมีบริษัทในกลุ่มปตท. เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ จะช่วยเสริมศักยภาพด้านการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ จึงมั่นใจว่า NAM จะเป็นหุ้นที่แข็งแกร่งและพร้อมสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว
คุณกำพล ทรวงบูรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า NAM มีฐานลูกค้าสำคัญเป็นโรงพยาบาลและหน่วยงานองค์กรทางด้านสาธารณสุขกว่า 1,200 แห่ง ซึ่งครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 50 ปี อีกทั้ง บริษัทฯ ยังส่งเสริมการวิจัยพัฒนา ผลิต จัดหาเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับความเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับสากล อาทิ ASME, ISO13485, ISO9001, ISO14001, CE Mark และ PED รวมถึงแผนการเตรียมขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย จีน มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ และสปป.ลาว จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตไปพร้อมกับพัฒนาการด้านสาธารณสุข ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก