กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--กบข.
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนในปีนี้ว่า กบข.ได้ปรับแผนการลงทุนระยะยาวในปีนี้ เพื่อลดผลกระทบเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย จากปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายของเงินทุน เพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหาซับไพรม์ และไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากกว่า
“กบข. ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แม้จะดูตามพอร์ตการลงทุนสัดส่วนจะดูน้อยลง แต่ในแง่ของเม็ดเงินแล้วไม่ได้ปรับตัวลดลง เนื่องจากพอรต์ลงทุนของ กบข.ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ตามเงินสมทบที่ไหลเข้า และผลตอบแทนการลงทุนที่เพิ่มในแต่ละปี โดยปัจจุบัน กบข. มียอดเงินกองทุนที่บริหารอยู่กว่า 3.8 แสนล้านบาท และด้วยจำนวนเงินดังกล่าวจึงต้องมีการกระจายลงไปในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ รวมถึง การกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์น้อยกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ หรือตลาดหุ้นในยุโรป”
สำหรับนโยบายการลงทุนระยะยาว กบข.ได้มีการปรับกลยุทธ์การลงทุนใหม่ โดยที่การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศจะใกล้เคียงกับระดับเดิมเป็นร้อยละ 59.0 ตราสารหนี้ในต่างประเทศเป็นร้อยละ 4.0 ตลาดสารทุนในประเทศเป็นร้อยละ 11.5 ตราสารทุนต่างประเทศเป็นร้อยละ 12.0 สำหรับการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และลงทุนทางเลือกในประเทศจะอยู่ร้อยละ 4.0 และร้อยละ 4.0 ตามลำดับ โดยจะมีการขยายไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใหม่ๆ ในต่างประเทศ คือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศร้อยละ 2.5 และลงทุนในหุ้นนอกตลาด (Private Equity) ทั่วโลกร้อยละ 3.0
เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. กล่าวอีกว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) น่าจะสามารถขยายตัวในระดับร้อยละ 5-5.5 ตามเป้าที่กำหนดไว้ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบาลลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมือง และปัญหาเงินเฟ้อ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวเศรษฐกิจในปีนี้