ภาวะกระดูกพรุนในวัยทอง (Postmenopausal Osteoporosis, PMO) เกิดขึ้นเนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในสตรีวัยทองมีปริมาณน้อยลง ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีหน้าที่ควบคุมความสมดุลของแคลเซียม ช่วยในการดูดซึมและลดการสลายตัวของแคลเซียม ซึ่งการลดลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลทำให้มวลกระดูกในร่างกายค่อย ๆ ลดน้อยลง จนท้ายที่สุดก่อให้เกิดภาวะกระดูกพรุนในวัยทอง
จากข้อมูลองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าผู้หญิงทั่วโลกมากกว่า 200 ล้านคน มีภาวะกระดูกพรุน จนกลายเป็นปัญหาสาธารณสุขอันดับ 2 ของโลก รองจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด สำหรับประเทศไทยจากสำรวจพบว่า 1/3 ของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและอายุมากกว่า 60 ปีมีภาวะกระดูกพรุน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น แพทย์จีนจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะกระดูกพรุนในวัยทองในมุมมองของศาสตร์การแพทย์แผนจีน
สาเหตุและกลไกการเกิดโรคในทางการแพทย์จีน
ภาวะกระดูกพรุน จัดอยู่ในกลุ่ม "กู่ปี้(??)" "กู่เหว่ย(??)" ในทางการแพทย์แผนจีนมีบันทึกในตำราสู้เวิ่น(??)ระบุว่า ไตมีความสัมพันธ์กับกระดูก ไตมีหน้าที่กักเก็บสารจิง ซึ่งสารจิงให้กำเนิดน้ำหล่อเลี้ยงและช่วยหล่อเลี้ยงบำรุงกระดูก หากชี่ไตมากสารจิงมีปริมาณเพียงพอหล่อเลี้ยงกระดูกก็จะทำให้กระดูกมีความแข็งแรง ในทางกลับกันหากชี่ไตพร่องสารจิงน้อยก็ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดน้อยลงก่อเกิดเป็นกู่เหว่ย(??)กระดูกพรุนได้
ปกติทั่วไปของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนตามหลักทฤษฎีเจ็ดเจ็ด(??) ในคัมภีร์โบราณระบุถึงการเปลี่ยนแปลงตามวัยของผู้หญิงไว้ว่า ผู้หญิงเมื่ออายุ 49 ปี เส้นลมปราณเริ่น(??)และเส้นลมปราณชง(??)พร่อง ส่งผลให้ไม่มีประจำเดือนและไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ สารจิงในไตพร่อง เพราะสารจิงในไตมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้มีประจำเดือน อีกทั้ง ไตยังมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการระบบการสืบพันธุ์ ด้วยเหตุนี้ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและมีภาวะกระดูกพรุน ล้วนสัมพันธ์กับอวัยวะไตเป็นหลักตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน
การวินิจฉัยแยกกลุ่มอาการและวิธีการรักษาในทางการแพทย์จีน
สาเหตุหลักของการเกิดภาวะกระดูกพรุนในวัยทองมาจาก สารจิงของไตพร่องส่งผลให้ความแข็งแรงของกระดูกลดน้อยลงจนก่อให้เกิดเป็นภาวะกระดูกพรุนในที่สุด นอกจากนี้ยังสัมพันธ์กับอวัยวะตับ ม้าม และกระเพาะอาหาร ซึ่งมีหน้าที่กักเก็บเลือดและสร้างเลือดมาหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายรวมถึงสมดุลอินหยางในร่างกาย ดังนั้น วิธีการรักษาจะเน้นการบำรุงไตและปรับสมดุลร่างกายตามสภาวะอินและหยางที่เปลี่ยนแปลง
1. กลุ่มอาการสารจิงของไตพร่อง
- อาการ:ปวดเอว ปวดหลัง ปวดหน้าขาและหัวเข่า อาการร่วมอื่น ๆ เช่น เวียนศีรษะ มีเสียงในหู ผมบาง ผมร่วง ฟันโยก ปัสสาวะเล็ด ลิ้นแดงอ่อน ฝ้าบางขาว ชีพจรเฉินซี่ม่ายและไม่มีแรง(?????)
- วิธีการรักษา:บำรุงไตเพิ่มสารจิง
- อาหารที่แนะนำ:งาดำ(???)ถั่วดำ(??)เห็ดหูหนูดำ(???)
2. กลุ่มอาการร้อนภายในจากอินพร่อง
- อาการ:ปวดเอว ปวดหลัง หรือปวดส้นเท้า อาการร่วมอื่น ๆ เช่น ใจร้อน หงุดหงิดง่าย ฝ่ามือฝ่าเท้าร้อน กระวนกระวายใจ นอนหลับได้น้อย ปวดหัวเข่าไม่มีแรง ใบหน้าแดงร้อน มีเหงื่อออก ลิ้นแดงหรือแดงเข้ม ชีพจรซี่ซู่ม่าย(???)
- วิธีการรักษา:บำรุงอินระบายความร้อน บำรุงไต
- อาหารที่แนะนำ:เก๋ากี้(???) ฮ่วยซัว(??)
3. กลุ่มอาการอินและหยางทั้งสองอย่าง
- อาการ:มือเท้าเย็น ปวดกระดูกบางครั้ง หรือปวดเอว ปวดหลัง หรือปวดส้นเท้า ปวดหัวเข่า อาการร่วมอื่น ๆ เช่น กลัวหนาว ชอบความอบอุ่น แขนขาเมื่อยล้าไม่มีแรง อ่อนเพลีย ลิ้นแดงอ่อน ชีพจรเฉินซี่ม่าย(???)
- วิธีการรักษา:บำรุงไตเพิ่มหยาง เพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงกระดูก
- อาหารที่แนะนำ:กุ้ยช่าย(??)เก๋ากี้(???)เก๋าลัด(??)
4. กลุ่มอาการม้ามและไตพร่อง
- อาการ:ปวดเอว ปวดหลัง ปวดหน้าขา และหัวเข่า อาการร่วมอื่น ๆ เช่น สีหน้าไม่ผ่องใส แขนขาเมื่อยล้าไม่มีแรง ทานอาหารได้น้อย อุจจาระเหลว ลิ้นแดงอ่อน ด้านข้างลิ้นมีรอยฟัน ฝ้าบางขาว ชีพจรซี่ม่าย(??)
- วิธีการรักษา:บำรุงไตและม้าม
- อาหารที่แนะนำ:กุ้ยช่าย(??)ไก่ดำ(??)ลูกเดือย(???)พุทราจีน(??)
วิธีการดูแลเบื้องต้น
- สอบถามข้อมูล หรือปรึกษาเรื่องสุขภาพได้ที่ "ทีมหมอจีน" คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว โทร 02 223 1111
- เปิดทำการทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 08:00 - 16:00 น.
- LINE OA: @huachiewtcm
- Facebook: หัวเฉียวแพทย์แผนจีนกรุงเทพ Huachiew TCM Clinic