กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--เอสเอสไอ
เอสเอสไอประกาศผลงานไตรมาสแรก ปี 2551 สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ด้วยผลกำไรสุทธิ 877 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 690 จากช่วงเดียวกันของปี 2550 เผยรายได้จากยอดขายในประเทศโตตามความต้องการ พร้อมประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรีดเหล็กแผ่นได้บางสุด 0.80 มม.
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2551 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 8,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.85 จากงวดเดียวกันของปี 2550 ซึ่งเท่ากับ 7,508 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม จำนวน 9,302 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 877 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 690 จาก 111 ล้านบาทของงวดเดียวกันปี 2550 และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.07 บาท
“ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรกถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะทั้งรายได้จากการขาย และผลกำไรมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้บริษัทฯ มีผลกำไรที่โดดเด่น ได้แก่ ปริมาณขายเพิ่มขึ้น และราคาขายต่อหน่วยที่สูงขึ้น โดยมีกำไรขั้นต้น 1,041 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 ของรายได้จากการขาย ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากไตรมาสเดียวกันของปี 2550 ซึ่งเท่ากับ 452 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 ของรายได้จากการขาย ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นเป็นผลมาจากส่วนต่างระหว่างราคาขายกับวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น (Spread) นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพโดยการใช้มาตรการลดค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนการผลิตทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างต่อเนื่อง” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสเอสไอกล่าว และเพิ่มเติมว่า
ในด้านการเงิน ปัจจุบัน ณ 31 มีนาคม 2551 บริษัทฯ มีสภาพคล่องสูงมาก โดยมีอัตราส่วนทุนหมุนเวียนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.07 เท่า และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 0.44 เท่า เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 1.33 เท่า และ 1.1 เท่า ตามลำดับ ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีความคล่องตัวสูงในการระดมทุนเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคต
สำหรับไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีสัดส่วนการขายภายในประเทศสูงถึงร้อยละ 96 ซึ่งเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้เหล็กภายในประเทศที่สูงขึ้นที่เหลือร้อยละ 4 เป็นการขายต่างประเทศ โดยแบ่งเป็นสินค้าชั้นคุณภาพพิเศษร้อยละ 33 และสินค้าชั้นคุณภาพทั่วไปร้อยละ 67 ส่วนด้านการผลิต บริษัทฯ ได้ทำการศึกษา ปรับปรุงประสิทธิภาพของการผลิตที่ให้ประสิทธิผลในด้านจำนวนผลิตต่อชั่วโมงการทำงาน และคุณภาพผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับรองการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ และโครงการ Eco-car ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รวมถึงการขยายตัวของภาคก่อสร้างอันเนื่องจากโครงการลงทุนของรัฐบาล ทั้งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนได้บางที่สุดถึง 0.80 มิลลิเมตร จากเดิมที่ผลิตได้เมื่อปีที่ผ่านมา 0.87 มิลลิเมตร นับว่าเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีการผลิตเหล็กแผ่นคุณภาพสูง ผลสำเร็จดังกล่าวเป็นการเน้นย้ำและสอดรับกับวิสัยทัศน์ของบริษัทที่จะเป็นผู้นำตลาดเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษของอาเซียนและสร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน
สำนักประชาสัมพันธ์-เอสเอสไอ
โทร. 02-238-3063-82
ต่อ 1302, 1320 และ 1327