กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--มีเดีย ออฟ มีเดียส์
ชาลอต โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย ธงชัย ชั้นเสวิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) และ นุติ เขมะโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด ได้เปิดการแถลงข่าวเกี่ยวกับทิศทางธุรกิจของบริษัท ที่มีความคืบหน้าและชัดเจนขึ้นสำหรับช่วงครึ่งปีหลัง ดังนี้
การเพิ่มรายการในฟรีทีวี
ขณะนี้ทางมีเดียฯได้ยื่นเสนอรายการกับช่อง 7 อีก 2 รายการ เป็นรายการสาระเชิงข่าว 1 รายการ และรายการเชิงสืบสวนสอบสวน 1 รายการ ซึ่งจะทำให้เวลาผลิตรายการของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 846 นาที เป็นประมาณ 1086 นาที คาดว่าจะสามารถเริ่มออกอากาศได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาผังรายการและการเช่าเวลา ของช่อง 7
การผนึกกำลังของทีมงานใหม่พร้อมแนะนำบริษัทลูก
ทางมีเดียฯได้มีการเสริมบุคคลากรเข้ามากว่า 40 ชีวิต โดยเป็นทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านงานสารคดีสืบสวนสอบสวน และทีมงานข่าว ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นทีมงานรายการสืบสวนจาก TITV และทีม Hot News ซึ่งมีทั้งบุคคลากรเบื้องหน้า อันได้แก่ คุณเชิงชาย หว่างอุ่น บรรณาธิการข่าวและผู้ประกาศข่าว, คุณนารากร ติยายน ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง, คุณชิบ จิตนิยม ผู้คร่ำหวอดในด้านข่าวต่างประเทศ, คุณมนตรี อุดมพงษ์ และคุณบุญญิตา งามศัพพศิลป์ พิธีกรด้านข่าวบันเทิง
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำโมเดลธุรกิจ จึงได้มีการนำบริษัทลูกคือ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด ซึ่งแต่เดิมได้มีการจดทะเบียน โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะดำเนินการด้านธุรกิจสตูดิโอ มารองรับบุคคลากรดังกล่าว โดยทีมงานมีเดีย สตูดิโอ จะเป็นผู้ผลิตรายการสาระเชิงข่าวและสารคดีต่างๆ ในขณะที่ทีมงาน มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จะเป็นผู้ผลิตรายการแนวบันเทิงและละคร ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของคุณธงชัย ชั้นเสวิกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.มีเดีย ออฟ มีเดียส์
นอกจากทีมงานด้านข่าวและสารคดีแล้ว ทางมีเดีย สตูดิโอ ได้แต่งตั้ง คุณนุติ เขมะโยธิน นักแสดงผู้อยู่ในธุรกิจบันเทิงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมากว่า 20 ปี เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด
พร้อมลุยธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม
นอกจากการสร้างสรรค์งานให้กับฟรีทีวีแล้ว ทางมีเดีย ออฟ มีเดียส์ ได้เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ จากการที่พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ได้ประกาศ และจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม มีกฏหมายรองรับ และสามารถมีโฆษณาได้ มีเดียฯจึงสนใจและมีแนวทางที่จะทำสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม โดยวางแผนไว้ว่าในปีนี้ถึงปีหน้าจะสามารถขึ้นได้ 3 ช่อง แบ่งเป็นช่องข่าว เนื่องจากมีทีมงานที่พร้อม ช่องดูหนังดูละคร จะเป็นช่องที่นำละครหรือรายการดีๆในอดีตมา rerun โดยจะมีการหารือกับทางช่อง 7 และพันธมิตรอื่นๆ ในการนำละคร รายการ และภาพยนตร์มาออกอากาศ และอีกช่อง เป็นช่องไลฟ์สไตล์และวาไรตี้ ซึ่งสามารถผลิตรายการได้ตามความต้องการของสปอนเซอร์และผู้ชม
โมเดลในการดำเนินธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม คือการที่จะมีการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม และร่วมมือกับเจ้าของธุรกิจเคเบิ้ลในการที่จะนำช่องโทรทัศน์ดาวเทียมมาออกอากาศในเคเบิ้ล สำหรับการหารายได้ วิธีแรกอาจจะเป็นการส่งสัญญาณ Free to air คือไม่เก็บเงินค่าธรรมเนียมในการนำไปออกอากาศหรือรับชม โดยรายได้จะมาจากการขายโฆษณา หรือวิธีที่ 2 คือการเก็บค่าสมาชิกจากเคเบิ้ลที่นำช่องไปออกอากาศในบางช่อง เช่นดูหนังดูละคร เพราะทางบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการซื้อรายการต่างๆ เช่นกัน ซึ่งในเรื่องนี้ จะหารือกับทางผู้ประกอบธุรกิจเคเบิ้ลต่อไป
การประกอบธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมมิใช่เรื่องใหม่ของทางบริษัท เพราะได้มีประสบการณ์ในการทำช่อง T-Channel ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งได้รับความนิยมมาเป็นอันดับต้นๆในช่องเคเบิ้ลทีวีมาแล้ว แต่มีข้อจำกัดในอดีตคือการหาโฆษณา และต้นทุนที่สูง ในปัจจุบันนอกจากกฎหมายจะอนุญาตแล้ว ยังมีการดำเนินการที่จะมีการวัดเรตติ้งโดย AGB Nielsens Media Research-Thailand และทางเอเจนซี่ได้มีการตอบสนองเป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าในระยะสั้นจะสามารถสร้างรายได้คุ้มกับการลงทุนและจะสร้างกำไรต่อไปในอนาคตได้
ทุ่มทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อนำเทคโนโลยีไฮเทคมาใช้กับการดำเนินรายการ
นางชาลอตกล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ผู้ชมมีความต้องการสิ่งใหม่ๆมากขึ้น รวมถึงต้องการรายการที่มีคุณภาพ จึงจะได้นำเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทในการลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อที่จะสร้าง “หน้าจอ” ที่น่าสนใจให้กับผู้ชม โดยการลงทุนใหญ่ส่วนหนึ่งคือการลงทุนใน Virtual Studio คือการนำเทคโนโลยี 3D มาใช้ในการดำเนินรายการอย่างเต็มรูปแบบเป็นรายการแรก โดยเฉพาะรายการเชิงข่าว ซึ่งวางแผนที่จะเริ่มใช้กับรายการที่จะผลิตให้กับช่อง 7 ในไตรมาส 4 และจะนำไปใช้กับสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมในอนาคต
เทคโนโลยีดังกล่าวจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชม เนื่องจากจะสามารถสร้างกราฟฟิคที่ทันสมัยและเปลี่ยนแปลงได้ตามระยะเวลาในการดำเนินรายการ ซึ่งเป็นเทคนิคที่สถานีชั้นนำของโลก เช่น BBC และ CNN ได้นำมาใช้แล้ว ขณะนี้บริษัทได้อยู่ในระหว่างการเจรจาเป็นพันธมิตรกับ VITZrt ซึ่งเป็นเจ้าของระบบ Virtual Studio ที่ทันสมัย และได้มีการนำตัวอย่างมาให้ผู้สื่อข่าวได้ชมในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย
นอกจากนั้นบริษัทยังวางแผนที่จะดำเนินธุรกิจโดยนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็น Digital Media Center ที่มีระบบกระบวนการทำงาน (work flow) เชื่อมโยงกันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
“ทั้งหมดนี้คือแผนงานบางส่วนของ บมจ.มีเดีย ออฟ มีเดียส์ ที่มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 และต่อเนื่องไปยังปี 2552 นอกจากนั้นทางมีเดียฯ ยังมีการศึกษาการขยายธุรกิจ ซึ่งหากมีความชัดเจน จะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป” นางชาลอตกล่าว