เอสซีจี กลุ่มบริษัทชั้นนำในอาเซียน จัดงาน "ESG Symposium 2023" ที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก เป็นการต่อยอดความร่วมมือด้านความยั่งยืนสู่ภูมิภาค จากเวที ESG Symposium ในประเทศไทย โดยงาน ESG Symposium 2023 Indonesia จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "ความร่วมมือเพื่ออินโดนีเซียที่ยั่งยืน" (Collaboration for Sustainable Indonesia) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เร่งการบรรลุเป้าหมายการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ลดความเหลื่อมล้ำ ตามกลยุทธ์ ESG 4 Plus พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 ตามเป้าหมาย Nationally Determined Contributions (NDC) ของอินโดนีเซีย โดยงานนี้ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และคนรุ่นใหม่ กว่า 500 คน รวมพลังนำอินโดนีเซียสู่ความยั่งยืน ผ่านการแสดงวิสัยทัศน์ นโยบาย และนวัตกรรมเทคโนโลยี อาทิ โครงการด้านพลังงานสะอาด เชื้อเพลิงทดแทนจากขยะมูลฝอย โซลูชันพลาสติกรักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ นวัตกรรมระบบบำบัดน้ำเสีย และแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับจัดการป่าไม้และวัดปริมาณคาร์บอนเครดิต เป็นต้น
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า "ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบกับความเสี่ยงจากวิกฤตโลกหลายอย่าง เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันอินโดนีเซียกำลังเผชิญปัญหาระดับชาติ อาทิ มลพิษทางอากาศ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การจัดการขยะ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนจึงเป็นภารกิจที่จำเป็นต้องทำ ไม่ใช่ทางเลือก อินโดนีเซียมีเป้าหมาย NDC การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 องค์กรธุรกิจจึงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว"
นางวีวี ยูลาสวาตี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการทางทะเลและทรัพยากรธรรมชาติ อินโดนีเซีย กล่าวว่า "รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนในธุรกิจเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว เช่น กระทรวงวางแผนการพัฒนาแห่งชาติได้ดำเนินโครงการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาการอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ ESG จะพัฒนาแนวทางใหม่ ๆ ในการช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มคุณค่าให้ธุรกิจ"
นางลักษมี เทวันติ อธิบดีฝ่ายควบคุมการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กระทรวงสิ่งแวดล้อมและป่าไม้ อินโดนีเซีย กล่าวถึง 3 ความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลภาวะ โดยกลยุทธ์ ESG เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืนและสมดุลยิ่งขึ้น "การร่วมมือกันคือกุญแจสำคัญที่จะเอาชนะความท้าทายดังกล่าว โดยรัฐบาลอินโดนีเซียมุ่งมั่นร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมพัฒนาวิธีที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อลดผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของเอสซีจี ย้ำว่า การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเอสซีจี พร้อมร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ สนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย NDC ของประเทศอินโดนีเซีย เช่น ร่วมกับอำเภอซูกาบูมี จังหวัดชวาตะวันตก พันธมิตรทางธุรกิจ และชุมชน จัดตั้งโรงผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ (Refuse-Derived Fuel) แห่งแรกในซูกาบูมี เพื่อแก้ปัญหาขยะให้เป็นพลังงานทางเลือก ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และร่วมมือกับจังหวัดชวาตะวันตกและชุมชน แก้ปัญหาน้ำเสียและส่งเสริมสุขอนามัย ในโครงการ Reinvented Toilet หรือห้องน้ำพร้อมระบบบำบัดของเสียที่สามารถฆ่าเชื้อโรคแบบครบวงจร ตลอดจนแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและความเป็นอยู่ โดยมอบทุนการศึกษา SCG Sharing the Dream ให้แก่เยาวชนต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 กว่า 4,000 ทุน เพื่อให้มีศักยภาพพร้อมพัฒนาประเทศต่อไป รวมทั้งพัฒนาอาชีพชุมชน 70 แห่งในซูกาบูมี ให้มีรายได้ยั่งยืน
"เราคนเดียวไม่อาจสร้างอนาคตที่ยั่งยืนได้ ต้องอาศัยความร่วมมือและการทำงานจากหลากหลายมุมมองและความเชี่ยวชาญ ผมขอเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน เพื่อสร้างอินโดนีเซียให้เป็นสังคมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นต่อไป" นายธรรมศักดิ์กล่าว