กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--ลอรีอัล ประเทศไทย
LA ROCHE-POSAY (ลา โรช-โพเซย์) หนึ่งในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำจากประเทศฝรั่งเศส จึงจัดทริปท้าแสงแดดเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์กันแดดสูตรใหม่ “ANTHELIOS XL” (แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล) ผลิตภัณฑ์กันแดดสูตรพิเศษที่ปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ล้ำลึกถึง 2 ระดับชั้น โดยให้การปกป้องที่บริเวณชั้นบนผิว และปกป้องล้ำลึกลงสู่ภายในเซลล์ผิวหนังชั้นนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ณ โรงแรม วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน ซึ่งบรรยากาศของการทำกิจกรรมเป็นไปอย่างสบายๆ บริเวณริมสระน้ำ หาดทรายขาว กับท้องฟ้าสดใส เหล่าบรรณาธิการความงามซึ่งเป็นแขกผู้มีเกียรติของเราได้มีโอกาสร่วมเล่นเกมและเข้าฟังการสัมมนาเกี่ยวกับการปกป้องผิวจากรังสียูวี การสัมมนาเกี่ยวกับ “การปกป้องแสงแดด” ในยามเช้าอันแสนสดชื่น เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงที่มาของผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ โดย จิรภา เตชะศรินทร์ ผู้จัดการทั่วไป แผนก แอ็คทีฟ คอสเมติกส์ บ. ลอรีอัล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ ก่อกำเนิดมาจากแหล่งน้ำแร่ของเมือง ลา โรช-โพเซย์ ประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี พศ. 2408 ซึ่งน้ำแร่จากแหล่ง ลา โรช-โพเซย์ มีชื่อเสียงมาก จึงถูกนำมาใช้ในการบำบัดโรคทางผิวหนังโดยเฉพาะเป็นแห่งแรกในยุโรป ต่อมาในปีพศ. 2518 น้ำแร่ลา โรช-โพเซย์ก็ได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ลา โรช-โพเซย์ ที่แพทย์ผิวหนังต่างพากันยกย่องให้เป็นแบรนด์อันดับ 1 ในทวีปยุโรป” “ลา โรช-โพเซย์ เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2544 และได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ผิวหนังและสถาบันโรคผิวหนังชั้นนำ ซึ่งปัจจุบัน ลา โรช-โพเซย์ ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของแพทย์ผิวหนังอย่างต่อเนื่อง” นอกจากนี้เรายังได้รับเกียรติจาก นพ. กฤษฎา ดวงอุไร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า มาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันแสงแดด โดยคุณหมอได้กล่าวถึงอันตรายจากแสงแดดว่า “ในแสงแดดประกอบด้วยรังสีหลายประเภท ที่สำคัญคือรังสี Ultraviolet (UV) ซึ่งรังสี UV ที่ส่องผ่านมาถึงเราได้นั้น ได้แก่ รังสี UVA และ UVB การถูกรังสี UV ในปริมาณที่มากเกินไปจะส่งผลร้ายโดยตรงต่อผิว โดยเมื่อผิวหนังถูกรังสี UVB จะเกิดอาการแสบ แดงไหม้ และเมื่อเวลาผ่านไปจะเป็นสีคล้ำขึ้น ส่วนรังสี UVA เบื้องต้นจะทำให้ผิวหนังหมองคล้ำ แต่ต่อมาจะเกิดเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ และทำลายโครงสร้างในผิวทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย” “การทาครีมกันแดดจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนอื่น เราจะต้องถามตัวเองเสียก่อนว่าเราต้องการจะป้องกันผิวจากอะไร การแสบแดง ความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ ริ้วรอย หรือมะเร็งผิวหนัง เพราะค่าการปกป้องรังสี UVA กับ UVB นั้นมีความแตกต่างกันโดย UVB นั้นทำให้เกิดผิวไหม้ แสบแดง ส่วน UVA ทำให้เกิดสีผิวคล้ำขึ้น รวมไปถึงฝ้า กระ และริ้วรอย นี่คือลักษณะที่โดดเด่นของ UVA และ UVB ซึ่งเราเอาจุดนี้มาเป็นตัววัด โดยถ้าเราจะวัดค่าการปกป้องผิวจาก UVB นั้น เราก็จะดูจากค่า Sun Protection Factor (SPF) โดยมีวิธีการวัดคือ เมื่อเราไม่ได้ทาครีมกันแดดกับทาครีมกันแดดนั้น ระยะเวลาเท่าไหร่ถึงทำให้เราเกิดอาการผิวไหม้ขึ้น เช่นเราถูกรังสี UVB ใช้เวลา 10 นาทีแล้วเกิดอาการผิวไหม้ แล้วถ้าเราทาครีมกันแดดทาผิวแล้วใช้เวลา 20 นาทีแล้วเกิดอาการผิวไหม้ หลังจากนั้นเอา 20 หารด้วย 10 ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ 2 แสดงว่าครีมกันแดดตัวนี้มีค่า SPF เท่ากับ 2 ส่วน UVA นั้นทำให้เราเกิดอาการผิวคล้ำ ซึ่งเราจะวัดในลักษณะเดียวกับการวัดค่าการปกป้อง UVB ซึ่งก็คือ ทำการวัดเทียบกันระหว่างทาครีมกันแดดกับไม่ได้ทาครีมกันแดด ซึ่งค่าการปกป้องผิวจาก UVA นั้นจะเรียกว่า Persistent Pigment Darkening (PPD)” “สำหรับการป้องกัน UVB โดยทั่วไปแล้วสำหรับผิวคนไทย การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF 15 ถือว่าเพียงพอต่อการปกป้องจนถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องพิจารณาจากพื้นฐานของผิวด้วย คนที่ผิวเข้มจะเกิดอาการแสบแดงช้ากว่าคนที่มีผิวขาว คนผิวขาวจึงควรเลือกกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า หากทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้หญิงในยุคปัจจุบันไม่ได้ต้องการที่จะป้องกันผิวจากแค่รอยไหม้เท่านั้น แต่ยังกลัวริ้วรอยและจุดด่างดำที่มาจาก UVA ด้วย ตรงนี้จึงต้องพิจารณาจากค่า PPD ซึ่งผลิตภัณฑ์กันแดดที่ดีและได้มาตรฐานตามที่ European Commission กำหนด จะต้องมีค่า SPF หารด้วย PPD น้อยกว่า 3” “ข้อแนะนำเพื่อการปกป้องผิวจากแสงแดดนั้น เราสามารถป้องกันด้วยการอยู่ในร่ม บ้าน หรือชายคา จะเป็นการป้องกันได้ดี นอกจากนี้เราสามารถป้องกันด้วยการทาครีมกันแดด โดยการใช้ครีมกันแดดนั้นเราต้องให้ดูที่ค่าการปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งได้แก่ค่า SPF และ PPD นอกจากนี้ในครีมกันแดดนั้นเราควรที่จะดูที่ชนิดของสารกันแดดด้วยว่าเป็นแบบใด ซึ่งชนิดของสารกันแดดนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ ชนิดที่ดูดแสง (Chemical Sunscreen) กับชนิดที่สะท้อนแสง (Physical Sunscreen) ซึ่งชนิดที่หักเหแสงนั้นจะเปรียบเทียบได้กับดินสอพองซึ่งทาไปแล้วจะทำให้ขาววอก สารกันแดดชนิดนี้จะไม่เสื่อมสลายเพราะเกล็ดของเนื้อครีมจะสะท้อนแสงออกไป ผลิตภัณฑ์กันแดดชนิดนี้จึงสามารถทาแล้วออกแดดได้ทันที ส่วนชนิดที่ทาแล้วไม่เกิดขาววอกนั้นมักจะเป็นชนิดที่ดูดแสง ซึ่งมักจะมีความคงทนกับ UVB แต่ไม่ทนทานกับ UVA จึงมักจะต้องคอยหาซ้ำเพื่อให้มีฤทธิ์ในการป้องกันรังสี UVA นอกจากนี้ชนิดที่ดูดแสง ถึงแม้ว่าทาแล้วจะซึมลงสู่ผิวได้ดี แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาที่จะให้เนื้อครีมซึมลงสู่เซลล์ผิวก่อนออกแดดนานกว่าครึ่งชั่วโมง และเวลาที่เราหน้ามัน เหงื่อออก หรือว่าว่ายน้ำนั้น ครีมกันแดดชนิดดูดแสงอาจจะถูกล้างออกไป ดังนั้นจึงต้องดูด้วยว่าครีมกันแดดที่เราใช้นั้นสามารถกันน้ำได้หรือไม่ และกันได้ยาวนานแค่ไหน” “การทาครีมกันแดดให้ได้ผล ควรจะทาให้ได้ปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อ 1 ตารางเซนติเมตร ถ้าต้องการให้ซึมลึกเพื่อการปกป้องที่มีประสิทธิภาพ ควรทาทั่วผิวหนังและทาซ้ำอีกครั้ง และควรจะใช้ผลิตภัณฑ์กันเดดที่เป็นยี่ห้อเดียวกันเพราะจะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันในการดูดซึมและปกป้องผิว หากใช้ต่างยี่ห้อกัน นอกจากจะต้องทิ้งระยะห่างระหว่างกันถึงราวๆ ครึ่งชั่วโมงเพื่อรอให้ค่า pH ของผิวกลับมาสมดุลแล้ว ยังอาจมีผลในการทำลายฤทธิ์ซึ่งกันและกันได้ จึงควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง” หลังจากนั้น สุภาภรณ์ งามสินจำรัส ลา โรช-โพเซย์ เมดิคัล รีเลชั่น เมเนเจอร์ กล่าวถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ “แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล” ว่า “เป็นผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับผิวหน้าสูตรพิเศษที่ให้การปกป้องผิวจากรังสี UV ทั้ง UVA และ UVB ได้ถึง 2 ระดับชั้น โดยให้การปกป้องทั้งบริเวณผิวหนังชั้นบน และล้ำลึกลงสู่ระดับเซลล์ภายในผิวหนังชั้นนอก สำหรับการปกป้องผิวหนังชั้นบนนั้น ระบบกรองแสงของ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล เป็นการทำงานผสานกันระหว่าง Mexoryl? SX และ Mexoryl? XL ลิขสิทธิ์เฉพาะของ ลา โรช-โพเซย์ ที่มีคุณสมบัติกรองรังสีได้ทุกช่วงความยาวคลื่น อีกทั้งเป็นระบบกรองรังสียูวีเอที่มีความคงตัวดี (Photostable) จึงให้การปกป้องผิวจาก UVA และ UVB ได้ยาวนานตลอดวัน” “นอกจากนี้ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ ได้สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยยูโรเปียน คอมมิชชั่น นั่นคือ ครีมกันแดดที่ดีควรมีค่า SPF/PPD น้อยกว่า หรือ เท่ากับ 3 ในขณะที่ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล ซึ่งครีมกันแดดมีค่า SPF=50 และ ค่า PPD = 28 ดังนั้นค่าที่คำนวณได้คือ 50/28 = 1.78 ซึ่งจัดได้ว่าเป็นครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ ได้สูงถึงระดับ “ยูวีเอ อัลตร้า” (UVA ULTRA) และด้วยนวัตกรรมใหม่ของ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล ที่ขยายขอบเขตของการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอได้ครอบคลุมยิ่งขึ้นด้วยการปกป้องผิวลงลึกถึงระดับเซลล์ภายในผิวหนังชั้นนอกด้วย เซนนา อลาตา เอ็กซ์แทร็ก (Senna Alata Extract) ซึ่งเป็นสารสกัดจากพืชธรรมชาติที่มีระบบป้องกันรังสียูวีโดยเมื่อเผชิญกับแสงแดด เซนนา อลาตา เอ็กซ์แทร็ก จะรวมตัวกันรอบบริเวณเซลล์ผิวหนัง (Cell’s Nucleus) เปรียบเสมือนเป็นปราการปกป้อง DNA ซึ่งอยู่ภายในเซลล์ผิวหนัง” “แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล มีเนื้อผลิตภัณฑ์ให้เลือก 2 แบบซึ่งได้แก่ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล ครีม เอส พี เอฟ 50+ ที่มีเนื้อผลิตภัณฑ์แบบ Melt-in-the-skin” ที่ง่ายต่อการเกลี่ยและทำให้ผิวเนียนเรียบปราศจากความมันเงาหลังการใช้ และ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล ฟลูอิด เอ็กซ์ทรีม เอส พี เอฟ 50+ ที่มีเนื้อผลิตภัณฑ์ในรูปแบบอณูฟลูอิดที่มีขนาดเล็ก บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนประกอบของน้ำแร่ ลา โรช-โพเซย์ ที่ช่วยทำให้รู้สึกสบายผิว และอุดมด้วยแร่ซิลิเนียมที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล ยังเป็นสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม Non-Comedogenic และสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้ยาวนานขึ้นด้วยคุณสมบัติกันน้ำ (Water-Resistant) โดยผลิตภัณฑ์ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล ได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพแล้วว่าเหมาะกับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งผิวแพ้ระคายเคืองง่าย” หลังจากได้รับความรู้เรื่องการกันแดดและทดลองนวัตกรรมกันแดดใหม่ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล แล้ว ก็ถึงเวลาลุ้นระทึกของประกาศรางวัลใหญ่จากการตกแต่งเสื้อแอนเทลิโอส ซึ่งผู้ชนะเลิศที่ได้รับคะแนนเสียงจากบิวตี้ เอดิเตอร์ด้วยกันมากที่สุด ได้แก่ คุณตุ๊ก-จากนิตยสาร Who? และรางวัลที่ 2 ตกเป็นของคุณ เอ๊ะ—จากนิตยสาร OK! จากนั้นก็ถึงเวลาที่เราต้องเก็บกระเป๋าเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมกับภาพความทรงจำแสนสุขจากทริปสุขสันต์สีส้มนี้ และ ลา โรช-โพเซย์ แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล ครีมกันแดดมากด้วยประสิทธิภาพ ที่จะทำให้เราอวดผิวสวยในหน้าร้อนนี้ได้อย่างไม่กลัวอันตรายจากแสงแดดอันเจิดจ้าอีกต่อไป ท้าลมร้อน อวดผิวสวยแบบไม่กลัวแดด กับ “แอนเทลิโอส เอ็กซ์แอล” จาก ลา โรช-โพเซย์ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างล้ำลึกถึง 2 ระดับชั้น ด้วย 2 เนื้อผลิตภัณฑ์ให้เลือกสรร แบบครีมที่ให้ความชุ่มชื้นที่ละลายลงไปในผิวโดยปราศจากความมันวาวหลังการใช้ และแบบฟลูอิดที่มีอณูขนาดเล็ก บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ได้แล้ววันนี้ที่โรงพยาบาลและร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ