BIS โชว์ผลงานไตรมาส 3 แข็งแกร่ง กวาดรายได้ 640.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.27% รับดีมานด์พุ่ง จากสถานการณ์โรคระบาด AFS ในสุกรคลี่คลาย เดินหน้ารุกตลาด CLMV เต็มสูบ มั่นใจรายได้ทั้งปีเติบโตตามเป้า
บมจ. ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ หรือ BIS โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 ทำรายได้จากการขาย 640.92 ล้านบาท เติบโต 10.27% และมีกำไรสุทธิ 16.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.37% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รับดีมานด์พุ่งตามจำนวนประชากรแม่พันธุ์สุกรที่เพิ่มขึ้นหลังการแพร่ระบาดโรค AFS ส่งผลให้ผลงาน 9 เดือนแรกปีนี้ ทำรายได้จากการขาย 1,744.49 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 35.14 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ทั้งปีเติบโตตามเป้า
นายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS ผู้นำธุรกิจ ผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขาย 640.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.78% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) และเพิ่มขึ้น 10.27% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 16.88 ล้านบาท เติบโต 51.25% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ และเพิ่มขึ้น 15.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยมาจากสถานการณ์ของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ที่ทุเลาลงและตลาดมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์เลี้ยง (Diagnostic) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการทำกำไรสูงมีดีมานด์เติบโตและยอดขายเพิ่มขึ้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เติบโต จากการขยายตัวของฐานลูกค้าผู้ประกอบการรายใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร รวมถึงการรักษาฐานลูกค้าผู้ประกอบการรายกลางถึงขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน) มีรายได้จากการขาย 1,744.49 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 35.14 ล้านบาท
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ของภาวะโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) คลี่คลายไปในทางที่ดี ทำให้จำนวนประชากรแม่พันธุ์สุกรกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการระบาด หรือประมาณ 1 ล้านตัว โดยใช้ความได้เปรียบเชิงการแข่งขันที่มีโมเดลการดำเนินธุรกิจที่มีจุดแข็งด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจร ทั้งตลาดปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง ด้วยการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้ง 6 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคสำหรับสัตว์ (Animal Health Product) วัคซีน ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อ และฮอร์โมน 2.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition Product) 3.ผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์ (Diagnostic Product) 4.ผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับสัตว์ (Complete Feed Product) ทั้งอาหารสุกร อาหารสัตว์ปีก และสัตว์เลี้ยง 5.ผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ (Ingredient Product) โดยกลุ่มลูกค้าหลักเป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์ขนาดใหญ่ (Feed Mill) 6.ผลิตภัณฑ์อื่นๆ (Other Product) ทำให้ บริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง และลูกค้าผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศใน CLMV อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้าง Growth Engine ในการผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวต่อไป
"เรามั่นใจว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และปีถัดไปจะรักษาอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง จากแผนขยายตลาดและการลงทุนสู่ประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของ BIS อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป" นสพ.ธนวัฒน์ กล่าว