นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า "ตามที่รัฐบาลได้มีการประกาศเงื่อนไขและรายละเอียดของ โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ทางสมาคมฯ เห็นว่าเป็นนโยบายที่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้โตได้ในระยะสั้น ทั้งยังช่วยในการอัดฉีดเม็ดเงินให้เข้าถึงทุกพื้นที่ เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินอย่างมีศักยภาพ ช่วยบรรเทาภาระ ค่าครองชีพ ส่งเสริมธุรกิจของผู้ประกอบการทุกระดับ แต่ยังต้องมีความชัดเจนในการออกมาตรการและเงื่อนไขมากขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจและมั่นใจให้กับประชาชนและผู้ประกอบการโดยเฉพาะร้านค้ารายย่อย ร้านสตรีทฟู้ด โชว์ห่วย หาบเร่ แผงลอย รวมถึงคำนึงถึงการพิจารณาปรับหลักเกณฑ์อย่างรัดกุมให้ปฏิบัติได้จริงเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับความต้องการ ความสะดวกในการใช้งาน และเอื้อประโยชน์อย่างแท้จริงต่อประชาชนและผู้ประกอบการ โดยขอเสนอแนะให้ขยับเวลาประกาศใช้ในเดือนเมษายนแทนพฤษภาคม จะเป็นการสร้าง impact ให้โครงการนี้มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนา นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังสร้างส่งผลดีต่อผู้ประกอบการ SME ในภาคค้าปลีกและบริการ ทั่วประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีมากกว่า 2.4 ล้านราย คิดเป็น 80% ของ SME ทั้งประเทศ จะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากโครงการนี้ รวมถึงร้านค้าย่อยในชุมชนต่างๆ ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งหากโครงการฯดังกล่าวประสบความสำเร็จจะนับได้ว่าเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมี โครงการ e-Refund ที่จะมากระตุ้นการจับจ่ายของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ ให้สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลจากการซื้อสินค้าและบริการ โดยให้วงเงิน 50,000 บาท และหวังว่ารัฐบาลจะเร่งอนุมัติและเพิ่มระยะเวลาใช้จ่ายให้มากกว่าที่ผ่านมา เพื่อช่วยกระตุ้นโครงการ e-Refund ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เชื่อว่าทิศทางเศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นได้ หากทุก ภาคส่วนร่วมมือกัน สมาคมฯ พร้อมสนับสนุนภาครัฐอย่างเต็มที่ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไม่ใช่เพียงแค่ระยะสั้น แต่เติบโตแข็งแกร่งในระยะยาวอย่างยั่งยืน"