จากที่เป็นคอนเสิร์ตในวาระครบรอบ 40 ในการทำงานของ คาราบาว วงดนตรีเพื่อชีวิตระดับตำนานของบ้านเรา "เครื่องดื่มคาราบาว พรีเซนต์ คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว" ที่จัดโดย บริษัท วอร์นเนอร์ มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด กลับกลายเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสุดท้ายของวง จากการประกาศออกมาก่อนหน้าวันแสดง ไม่นานนัก โดย "ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว" ผู้ก่อตั้งวงเมื่อ 40 กว่าปีก่อน ทำให้คอนเสิร์ตในครั้งนี้ กลายเป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตสำคัญที่สุดในชีวิตของคาราบาว และบรรดาแฟนๆ ทุกคนที่หัวใจยัง "รัก" ควายตัวนี้
ควายตัวที่สร้างสถิติสารพัดให้วงการเพลงไทย ควายตัวที่สร้างบทเพลงอมตะมากมายที่อยู่ในใจของคนฟัง ควายตัวที่บอกเล่าความเป็นไปของชีวิตผู้คน สังคม บันทึกเหตุการณ์ต่างๆ และแสดงมุมมองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ได้อย่างแหลมคม ด้วยภาษาที่เรียบง่ายแต่สละสลวย ด้วยท่วงทำนองที่ติดหู ผ่านแนวทางดนตรีต่างๆ ร็อค, โฟล์ค, คันทรีร็อค ที่ผสมผสานความเป็นป็อป รวมถึงใส่สำเนียงดนตรีพื้นบ้าน นำเครื่องดนตรีท้องถิ่นเข้ามาปรับใช้ได้อย่างลงตัว และเมื่อรวมเข้ากับเสียงร้องของสามสมาชิกคนสำคัญของวง ยืนยง โอภากุล, ปรีชา ชนะภัย - เล็ก คาราบาว และเทียรี่ เมฆวัฒนา - รี่ คาราบาว ก็กลายเป็นสำเนียงดนตรีเฉพาะตัว ที่แค่ได้ยินโดย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่ละบทเพลงของ คาราบาว
การแสดงเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี บัตรขายหมดเกลี้ยงทุกที่นั่ง ก่อนหน้าไปแล้วเรียบร้อยนานนับเดือน จึงเต็มไปด้วยผู้คนนับหมื่นที่มาร่วมสัมผัสกับบทเพลงของคาราบาว ที่จะถูกนำมาร้องมาเล่นกันแบบสดๆ ในขวบปีที่ 42 ของวงกันจนแน่นขนัดไปทุกพื้นที่ โดยมีปาป้าเบนซ์ (Papa Benz) มาเล่นเป็นศิลปินเปิดงาน สร้างความประทับใจ และอุ่นเครื่องให้กับผู้ชม ก่อนจะถึงการแสดงของคาราบาวได้เป็นอย่างดี
เมื่อถึงเวลา? คาราบาวกล่าวทักทายกับแฟนๆ ที่อยู่แน่นขนัดในอิมแพ็ค อารีนา ด้วย "40 ปี ฅนคาราบาว" บทเพลงจากอัลบั้มล่าสุดในวาระครบรอบ 40 ปีของวง ที่บอกเล่าความเป็นมา การเดินทางมาพบและทำงานร่วมกันของสามสมาชิกหลักของวง ที่นอกจากเรื่องราวในเพลงจะนำมาใช้เปิดตัวสมาชิกแต่ละคน จากยืนยง ตามด้วยปรีชา และเทียรี่แล้ว ท่วงทำนองดนตรีก็เป็นการนำเข้าสู่การแสดง เมื่อเริ่มด้วยลีลาดนตรีที่เนิบช้า ฟังอบอุ่น ในช่วงแรก แล้วปรับมาเป็นจังหวะสามช่าสนุกๆ ในครึ่งหลัง ที่ปลุกผู้ชมให้ลุกขึ้นมาสนุกได้โดยไม่ต้องเอ่ยชวนให้มากความ
คาราบาวมอบความบันเทิงให้แฟนเพลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยเพลงดังๆ จังหวะคึกคัก ปล่อยไล่เรียงกันมา ไม่ว่าจะเป็น "บางระจัน", "วณิพก", "ยายสำอาง", "เมด อิน ไทยแลนด์", "หลวงพ่อคูณ", "ราชาเงินผ่อน", "ซาอุดร" ซึ่งบางเพลงก็มีความหมายเป็นพิเศษ เช่น "กีตาร์คิงส์" ที่แต่งให้กับ แหลม มอร์ริสัน มือกีตาร์ระดับตำนานของบ้านเรา เจ้าของฉายา "กีตาร์คิงส์" ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมายหยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่น บางเพลงก็ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ ที่ไม่ใช่แค่เพื่อให้แฟนๆ สนุกด้วยได้ ยังทำให้ตัวงานมีสีสันใหม่ๆ อย่าง "สัญญาหน้าฝน" ฉบับสามช่า
นอกจากแอ๊ด-เล็ก-รี่ ที่ทำหน้าร้องในเพลงต่างๆ สลับสับเปลี่ยนกันไป สมาชิกบางคนของวงก็มีช่วงเวลาสร้างความหรรษาให้ผู้ชม เช่น ธนะสิทธิ์ พันธุ์พงษ์ไทย หรือ อ้วน คาราบาว มือกลองของวงกับเพลง "ราชาเงินผ่อน" และลือชัย งามสม หรือ ดุก คาราบาว กับเพลง "หำเทียม"
หลังเปลี่ยนพื้นที่ในอิมแพ็ค อารีนาเป็นลานเต้นรำขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง คาราบาวหันมามอบความอบอุ่น ความนุ่มนวล ผ่านการแสดงในแบบอะคูสติก ที่เปิดโอกาสให้สื่อสารกับแฟนๆ ได้มากขึ้น โดยบทเพลงในช่วงนี้จะเป็นงานที่มีความลึกซึ้ง มีเนื้อหาที่ให้ผู้ชมละเลียดความคิดไปกับเรื่องราวด้วยได้ ซึ่งเปิดด้วย "ลุงขี้เมา" เพลงที่ ทำให้ผู้คนรู้จักกับคาราบาว จากอัลบั้มแรก 'ขี้เมา' ที่ออกมาในปี 2524 แล้วก็มี "ตุ๊กตา" เพลงบอกเล่าความรู้สึกของเด็กบ้านนอกที่เข้ามาใช้ชีวิตในเมืองกรุง, "คนเก็บฟืน" และ "ทะเลใจ" สองเพลงที่มีความหมายในเชิงปรัชญา ให้ค้นหาและตีความ ช่วงเวลาของดนตรีโฟล์ค บทเพลงที่เล่นโดยเครื่องอะคูสติกจบลงด้วย "ชีวิตสัมพันธ์" เพลงที่มวลหมู่ศิลปินเพื่อชีวิตร่วมร้องกันในคอนเสิร์ตตำนานของวงการเพลงบ้านเรา "คอนเสิร์ตชีวิตสัมพันธ์ สายธารสู่อีสานเขียว" เมื่อปี 2530 ที่ครั้งนี้ แม้ไม่มีศิลปินมากมายมาร่วมร้องเช่นครั้งนั้น แต่แฟนๆ ก็ช่วยกันร้องจนเสียงกระหึ่มดังไปทั้งฮอลล์
คาราบาวกลับมาสร้างความบันเทิงให้ผู้ชมต่อ โดยเริ่มจากเพลงในอัลบั้มชุดใหม่ '40 ปี ฅนคาราบาว' เช่นเดียวกับช่วงเริ่มต้นคอนเสิร์ต "ดอกไม้กับผีเสื้อ" ที่พูดถึงความรักด้วยมุมมองในเชิงปรัชญาที่ร้องโดย เล็ก คาราบาว และ "ยอดมนุษย์ 2%" ที่นอกจากจะแสดงถึงความเป็นจริงของโลก ที่มีคนแค่ 2% เท่านั้นที่อายุเกิน 90 ปี แต่ยังมีแง่มุมธรรมะใส่เข้ามา เมื่อตอกย้ำว่าสังขารล้วนเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา จากนั้นเพลงฮิต เพลงดังก็หลั่งไหล กันมา มีทั้งเพลงซึ้งๆ "รักต้องสู้", "แม่สาย" งานในสไตล์ร็อคแอนด์โรล "บิ๊กสุ" เพลงน่ารักๆ ประจำตัวของ เกริกกำพงษ์ ประถมปัทมะ - อ๊อด คาราบาว "กระถางดอกไม้ให้คุณ" เพลงต่อปากต่อคำที่ทั้งสนุก ทั้งให้ความรู้สึกแสบๆ คันๆ จากอารมณ์ขันแบบงานเสียดสี "คนหนังเหนียว" ที่เล็กร้องโต้ตอบกับเทียรี่
โดยทุกเพลงในคอนเสิร์ตครั้งนี้มากันเต็มๆ ไม่มีร้อยเรียงเป็นเมดเลย์ที่อาจรู้สึกฟังไม่เต็มอิ่ม การใช้แสงสีเสียง เทคนิคพิเศษต่างๆ การฉายภาพและงานกราฟิคต่างๆ บนจอแอลอีดี สอดรับกับเพลง และช่วยทั้งสร้างความบันเทิง และบอกเล่าเรื่องราวของเพลงให้สมบูรณ์แบบ เช่น เปลวเพลิง พลุ และเสียงระเบิด ที่ส่งให้ "บางระจัน" อิ่มอารมณ์ และเติมความยิ่งใหญ่อลังการให้ "เจ้าตาก" หรือลูกเล่นเล็กๆ เช่น การโปรยธนบัตรคาราบาว ให้ผู้ชมได้เก็บเป็นที่ระลึก ไปกับเพลง "คนจนผู้ยิ่งใหญ่"
ที่สำคัญก็คือ ในคอนเสิร์ตนี้ แฟน ๆ จะได้สัมผัสการแสดงของคาราบาวกันยาวๆ เมื่อสมาชิกทั้งหมด "แอ๊ด" ยืนยง โอภากุล, "เล็ก" ปรีชา ชนะภัย, "รี่" เทียรี สุทธิยง เมฆวัฒนา, "อ๊อด" เกริกกำพล ประถมปัทมะ, "โก้" อัทธนันต์ ธนอรุณโรจน์, "ดุก" ลือชัย งามสม, "หมี" ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ และ "อ้วน" ธนะสิทธิ์ พันธุ์พงษ์ไทย ยืนหยัดสร้างความบันเทิงให้กับแฟนเพลงแบบไม่มีศิลปินรับเชิญ ไม่มีใครมาคั่น
แต่งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา หลังเพลงใหม่ที่ยืนยงแต่งสำหรับคอนเสิร์ตนี้ "คาราบาวในโลกของพระเจ้า" ซึ่งเป็นการรำลึกถึงบรรดาสมาชิกของคาราบาวที่จากไปจบลง แอ๊ดก็ให้สมาชิกแต่ละคนได้พูดแสดงความรู้สึกที่มีต่อผู้ชม และการเดินทางร่วมกับคาราบาวมายาวนาน ในวันที่การเดินทางจะต้องสิ้นสุดลง เมื่อวัยกับสังขารเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหลายๆ คนถึงกับเอ่ยมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ มีน้ำเอ่อนัยน์ตา และแฟนๆ ก็รู้สึกไม่ต่างกัน ซึ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนจากเสียงอื้ออึงในอิมแพ็ค อารีนา ที่สงบลง
คาราบาวปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยเพลงอำลาที่แฟนๆ รู้ดีว่า เมื่อดังขึ้นก็ถึงเวลาต้องแยกย้าย "บัวลอย" หากท้ายที่สุด ด้วยความผูกพัน ด้วยความสนุกสนาน ด้วยความรู้สึกดีๆ ที่คาราบาวมอบให้ผู้ชมในวันนี้ และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีใครที่อยากเดินจากไป และคาราบาวก็กลับมาอำลาอีกครั้ง ด้วยสองเพลงเก่าในยุคแรก ที่อายุอานามไม่ต่างไปจากอายุการทำงานของวง "มนต์เพลงคาราบาว" เพลงเปิดการแสดงเมื่อครั้งอดีต และอีกเพลงดัง "กัญชา" ที่ยืนยงแสดงให้เห็นว่า แม้อายุจะใกล้เลข 7 ผ่านการร้องการแสดงในวันนี้ที่ยาวนานร่วมๆ 4 ชั่วโมง แต่เสียงร้องก็ยังคม เคลียร์ เปี่ยมไปด้วยพลัง สมกับเป็นเพลงปิดท้ายของงาน ส่งผู้ชมกลับบ้านด้วยความรู้สึกดีๆ ความทรงจำดีๆ ความประทับใจ พร้อมกับคำสัญญาว่า หากกายพร้อม ใจพร้อม ในวันที่คาราบาวอายุครบ 45 ปี อาจจะได้เจอกันอีก
แต่ถ้าไม่มีวันนั้น "คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว" ก็คือความสวยงามที่อยู่ในความทรงจำของแฟนเพลงและสมาชิกของวงทุกคนโดยไม่มีวันลืมเลือน?. ตลอดไป