บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP ได้เข้าซื้อแบรนด์รองเท้าไทยชื่อดัง O&B ซึ่งมีเอกลักษณ์คือรองเท้าทรงบัลเลต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ และความสบายในการสวมใส่ จากบริษัท คริสติน่าเกรย์กรุ๊ป จำกัด พร้อมเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาวพาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าชั้นนำจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า RSP ได้เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายทรัพย์สินจาก บริษัท คริสติน่าเกรย์กรุ๊ป จำกัด หรือที่รู้จักภายใต้แบรนด์ O&B ซึ่งทางแบรนด์มีจุดเด่นคือ รองเท้าสตรีทรงบัลเลต์ ผลิตจากหนังแท้ที่มีคุณภาพสูง และมีสีสันให้เลือกมากมาย
"การเซ็นสัญญาในครั้งนี้เป็นการเข้าซื้อลิขสิทธิ์และทรัพย์สินจากบริษัท คริสติน่าเกรย์กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แบรนด์ O&B โดยทาง RSP ได้วางแผนกลยุทธ์ในการสร้างการจดจำแบรนด์ (Brand Awareness) ขยายฐานลูกค้า และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งแบรนด์ O&B เป็นแบรนด์ไทยที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและได้รับการยอมรับที่ดีจากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในกลุ่มภูมิภาค ASEAN โดยแบรนด์ O&B มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนคือ
รองเท้าสตรีสำหรับวัยรุ่น และวัยทำงานที่ใส่สบาย ผลิตจากหนังแท้ที่มีคุณภาพสูง และสามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส" นางสาวพาพิชญ์ กล่าว
สำหรับช่องทางจำหน่ายสินค้า แบรนด์ O&B มีทั้งหมด 5 สาขาใจกลางกรุงเทพฯ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว, ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม, ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และ Flagship Store ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ รวมถึงผ่านช่องทางออนไลน์ Shopee, Lazada, LINE Official และเว็บไซต์ของแบรนด์
โดยภาพรวมกลยุทธ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 "พาพิชญ์" กล่าวเพิ่มเติมว่า เชื่อว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยกลุ่มลูกค้ายังคงให้ความสนใจในสินค้าที่บริษัทฯจัดจำหน่าย โดยปัจจุบัน RSP มีแบรนด์ภายใต้การจัดจำหน่าย ได้แก่ Converse, Havaianas, Barrel, Cole Haan, Acme De La Vie, O&B, ECCO และ GEOX ในประเทศไทยและกัมพูชา รวมสาขากว่า 216 แห่ง
ขณะที่ ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศมองว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในเชิงบวก สะท้อนไปถึงยอดขายให้มีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น ในขณะที่บริษัทฯ เตรียมงบกิจกรรมการตลาดมากขึ้น เน้นการทำการตลาดแบบ on-ground เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคตอบสนองต่อกิจกรรมในช่วงท้ายของปี ยังมั่นใจเป้าหมายยอดขายเติบโตได้ที่ 15-20% จากการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม และการขยายสาขาใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2566 รวมถึงการขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ยังคงสร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง