สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือน โรคไอกรนอันตรายถึงตาย เน้นย้ำ ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปรับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนด หากมีอาการไข้ต่ำๆ มีน้ำมูก ไอผิดปกติ ไอเป็นชุดๆ ติดต่อกัน 5-10 ครั้ง หรือมากกว่านั้น จนทำให้หายใจไม่ทัน หายใจมีเสียงดังวู๊ป ระวังป่วยด้วย "โรคไอกรน" ให้รีบไปพบแพทย์
นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโรคไอกรนในระบบรายงาน 506 ข้อมูลตั้งแต่ 1 มกราคม - 9 พฤศจิกายน 2566 ทั้งหมด 57 ราย เสียชีวิต 1 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ ต่ำกว่า 1 ปี (ร้อยละ 43.86) สำหรับเขตสุขภาพที่ 12 พบผู้ป่วยยืนยัน 45 ราย ปัตตานี 39 ราย นราธิวาส 4 ราย และสงขลา 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย ในจังหวัดปัตตานี โดยพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ทั้งนี้ ในพื้นที่ที่มีการระบาด ความครอบคลุมของวัคซีน DTP3 (คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน) เพียงร้อยละ 62 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ร้อยละ 90 จึงจะเกิดภูมิคุ้มกันระดับชุมชนได้
โรคไอกรน เป็นโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (B.pertussis) ทำให้มีการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ ติดต่อง่ายจากการไอ จาม สัมผัสกับสารคัดหลั่งและเครื่องใช้ของผู้ป่วย ส่วนใหญ่พบการติดเชื้อในเด็ก และพบในเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือรับแล้วแต่ยังไม่ครบ ซึ่งอาการของโรคไอกรนในเด็กอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ อาการของโรคจะแสดงหลังจากรับเชื้อเฉลี่ย 7-10 วัน นานสุด 20 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำๆ มีน้ำมูก และไอต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นจะเริ่มแสดงอาการสำคัญของโรคคือ ไอเป็นชุด ๆ ถี่ ๆ ติดกัน 5-10 ครั้งหรือมากกว่านั้น จนทำให้ผู้ป่วยหายใจไม่ทัน จึงหยุดไอ และพยายามหายใจเข้าลึก ๆ และมีเสียงดังวู๊ป สลับกับการไอเป็นชุด ทั้งนี้อาการดังกล่าวอาจเป็นเรื้อรังนาน 2-3 เดือน
นายแพทย์เฉลิมพล กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพบผู้ป่วยโรคไอกรน ควรแยกผู้ป่วยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ในผู้สัมผัสโรคควรสังเกตว่า มีอาการไอ หรือไม่ ติดตามอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ส่วนเด็กที่สัมผัสโรคใกล้ชิดควรไปรับคำปรึกษาจากแพทย์ การเกิดไอกรน ในเด็กส่วนใหญ่ เด็กจะได้รับเชื้อจากผู้ใหญ่ที่ป่วยและมีอาการไอ ซึ่งผู้ใหญ่มักไม่ไปพบแพทย์ เนื่องจากอาการไม่รุนแรง ทำให้แพร่เชื้อไปยังเด็กที่อยู่ในครอบครัวในที่สุด
เน้นย้ำ ผู้ปกครองต้องพาบุตรหลานที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี ไปรับวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ อายุ 2 เดือน, 4 เดือน, 6 เดือน, 1 ปีครึ่ง และฉีดเข็มกระตุ้นเมื่ออายุ 4 ปี สำหรับพื้นที่ที่มีการระบาดของ โรคไอกรนอยู่ในขณะนี้ คือ จังหวัดปัตตานีและนราธิวาส เด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ควรฉีดวัคซีนให้ครบ 3 เข็ม โดยเข็มแรกสามารถรับวัคซีนได้ตั้งแต่ อายุ 6 สัปดาห์ เข็มสอง และเข็มสาม ห่างกัน 4 สัปดาห์ พร้อมสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากมีอาการของโรคไอกรน ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน สำหรับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ควรไปรับวัคซีนไอกรน ตั้งแต่อายุครรภ์ที่ 27-36 สัปดาห์ นอกจากนี้ผู้ใหญ่ที่อยู่ใน บ้านที่มีเด็กเล็กควรไปรับวัคซีนเช่นกัน เพื่อป้องกันการเกิดโรคในผู้ใหญ่แล้วแพร่เชื้อต่อไปยังเด็กใน ครอบครัว หากมีข้อสงสัย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร. 1422