บมจ.โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) ท็อปฟอร์ม! ไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 1,326% รับอานิสงส์เปิดโรงพยาบาลใหม่ "วัฒนแพทย์ สมุย"- ลูกค้าต่างชาติกลับมาใช้บริการคึกคัก รับเปิดเมือง ท่องเที่ยวบูม ฟาก ผู้บริหาร "เชน เหล่าสุนทร" อัพเป้ารายได้ปี 66 โตเกิน 20% สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายเชน เหล่าสุนทร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) (WPH) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3ของปี 2566 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 390 ล้านบาทกำไรสุทธิ 34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,326% จากไตรมาสก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น หลังเปิดเมือง และการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก จากมาตรการฟรีวีซ่า อีกทั้งการเปิดให้บริการโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่สมุยเป็นปีแรก ทำให้รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และหากไม่รวมผลขาดทุนสุทธิของบริษัทย่อยแห่งที่ 2 ดังกล่าว พบว่ากลุ่มบริษัทมีผลกำไรสุทธิ 57.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/65 คิดเป็นร้อยละ 19
"รายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ จากนโยบายเปิดประเทศ บรรยากาศท่องเที่ยวในประเทศกลับมาคึกคัก ประกอบกับโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ สมุย ที่เปิดบริการไปตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 ได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ"
ปัจจุบัน WPH มีโรงพยาบาลในเครือ 3 แห่ง อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว จังหวัดตรัง อ่าวนาง จังหวัดกระบี่ และเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี สามารถรองรับผู้ป่วย IPD รวม 238 เตียง
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WPH กล่าวอีกว่า บริษัทฯได้ปรับเป้าหมายรายได้ปี 2566 เติบโตเกิน 20% จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 8-10% สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่เพิ่มบนพื้นที่เกาะสมุย ทำให้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 428
ขณะที่ความคืบหน้าในการร่วมมือกับบริษัท เอกชัย การแพทย์ จำกัด(มหาชน) (EKH) เพื่อลงทุนประกอบธุรกิจโรงพยาบาลคูน อ่าวนาง มูลค่าลงทุน 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงรองรับเทรนด์เวลเนส
โดยโรงพยาบาลคูน อ่าวนาง เป็นอาคารสูง 3 ชั้น ขนาด 36 เตียง ตั้งอยู่ที่ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดย WPH ถือหุ้นสัดส่วน 51% และ EKH ถือหุ้น สัดส่วน 49% ใช้งบในการก่อสร้าง 170 ล้านบาท
ส่วนเงินลงทุนนำมาจากเงินทุนหมุนเวียนและเงินกู้จากสถาบันการเงิน จะเริ่มก่อสร้างต้นปี 2567 และคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 3/2568 ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ของกลุ่มบริษัท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง