นายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปีนี้ ซึ่งเติบโตสูง โดยมีรายได้รวม 7,564 ล้านบาท เติบโต 165% จากรายได้รวม 2,850 ล้านบาท และ กำไรปกติเติบโต 91% จากกำไรปกติช่วง 9 เดือนแรกปีก่อน และมีกำไรสุทธิสูง 383 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ากำไรสุทธิ 964 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีก่อนมีกำไรจากการวัดมูลค่าการลงทุนสูง
สำหรับงบไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111 % จากรายได้รวม 1,172 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ มีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 667 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 297 ล้านบาท หรือ 80% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 27% ลดลงจาก 32% แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2566 ที่ 24% สาเหตุหลักเป็นผลมาจากการที่กลุ่มบริษัทมีผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายมากขึ้น มีการขายแบบ wholesaleเพิ่มขึ้น ซึ่งมีตลาดการแข่งขันด้านราคาที่แตกต่างกัน โดยมีกำไรจากการดำเนินการหลังค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มในการสร้างธุรกิจ 203 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประจำงวดเท่ากับ 37 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 463 ล้านบาท คิดเป็น 93% โดยหลักลดลงจากกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลประกอบการในอนาคต บริษัทฯ ได้มีมาตรการในการปรับตัว เช่น การเพิ่มมาตรการณ์ในการคัดเลือกลูกค้าเครื่องกรองน้ำในระบบผ่อนชำระเพื่อเพิ่มความรัดกุมมากยิ่งขึ้น มีการตั้งสำรองค่าเผื่อนี้เสียเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางในอนาคต พิจารณาการขายธุรกิจบางส่วนที่ไม่ส่งเสริม Ecosystem และลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานโดยกำลังดำเนินงานตามแผนการจัดโครงสร้างบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมมูลค่าและเพิ่มความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และบริษัทฯจะดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้อย่างรัดกุมและรอบคอบเพื่อเพิ่มผลประกอบการในสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าและพาร์ทเนอร์รวมไปถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วนต่อไป ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นในแผนการดำเนินงานรวมไปถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆที่ยังคงเดินหน้าอย่างรัดกุม ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากความสามารถในการสร้างรายได้ที่ยังดีอย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นปัจจุบัน
โดยในไตรมาส 3/2566 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากบริษัทหลักกลุ่มเดิม เช่น, SBNEXT, SABUY Market Plus, SABUY SPEED, SABUY Alliances, PTECH, BZB, และ LOVLS ซึ่งเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตคงที่อย่างต่อเนื่องในไตรมาสนี้ รวมไปถึงการมองหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ ที่เสริมสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯ เช่น การเพิ่ม Touchpoint และช่องทางการขายแบบ B2C ผ่านแพลตฟอร์ม ShopDD และ เป็นตัวแทน Banking Agent ให้กับธนาคารกรุงเทพ ในการฝาก-ถอน เงินสด ผ่านช่องทางของบริษัทฯ เป็นต้น อีกทั้ง บริษัทยังดำเนินกลยุทธ์เน้นความยั่งยืนด้านการพัฒนาบุคลากร ควบคุมความเสี่ยง และการตรวจสอบภายใน รวมไปถึงปรับปรุงระบบการขายและบริการตามแนวทาง 7 SMART เพื่อเพิ่มรายได้ใน ทุกสินค้าและบริการ นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการหาช่องทางการขายและการหาตลาดใหม่ๆ รวมถึงการปรับโครงสร้างหน่วยงานแบบองค์รวมเน้นการขายแบบ Solution เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจ 7 SMART โดยบริษัทฯ ยังคงแนวทางการเติบโตอย่างยั่งยืนตามตั้งเป้าไว้
รายได้เติบโตของกลุ่มสบาย ในไตรมาส 3 ปีนี้ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่
นายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์และการลงทุน บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ว่า " ในช่วง 9 เดือน ปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจและเพิ่มพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมและเสริมความแข็งแกร่งแก่ Ecosystem รวมไปถึงต่อยอดและเสริมสร้างศักยภาพ (Synergy) ของกลุ่มบริษัทฯ โดยได้มีการจัดกลุ่มธุรกิจออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจหลักได้แก่ 1. Connext 2. Enterprise & Life 3. Payments & Wallet 4. Financial Inclusion 5. InnoTainment และ 6. Venture ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญดังนี้
บริษัทฯ ได้ยกระดับ Ecosystem โดยการเข้าลงทุนกับพันธมิตรต่างๆ ในปี 2565 ไม่ว่าจะเป็น SBNEXT, Asphere, SPEED (กลุ่มธุรกิจ Drop-Off), LOVLS, BZB และอื่นๆ ที่มีความหลากหลายและแตกต่างในตัวธุรกิจ รวมไปถึงการก่อตั้งบริษัทย่อยในเครือ เมื่อนำเข้ามาอยู่ใน Ecosystem ของบริษัทฯ ส่งผลให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ/ลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนต่อหน่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ การดำเนินการแลกหุ้นระหว่าง TKC - AIT ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม SABUY ในการขยายการให้บริการที่ครอบคลุมไปยังลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น