เต็มไปด้วยความอบอุ่นชื่นมื่นและสนุกสนาน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ปรับรูปแบบพิธีประสาทปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2564 สร้างช่วงเวลาแห่งความสำเร็จพร้อมกับความภาคภูมิใจในห้วงเดียวกัน โดยให้บัณฑิตที่เข้าร่วมพิธีฯ สามารถโพสท่าถ่ายรูปได้อย่างอิสระในวันซ้อมรับปริญญา ขณะที่วันรับจริงยังคงพิธีการเฉพาะที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้ปกครองภาคภูมิใจ โดยพิธีประสาทปริญญาบัตรได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ นายกสภามหาวิทยาลัย รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีกิตติคุณ และ ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี พร้อมด้วยรองอธิการบดี คณบดี และคณาจารย์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เข้าร่วมพิธี ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566
และด้วยเนื่องในโอกาส มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ก่อตั้งครบรอบ 55 ปี จึงได้มีการมอบรางวัลพระราชทาน 'พระสิทธิธาดาทองคำ' ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมถึงมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ ให้กับบุคคลที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ ในวันพิธีประสาทปริญญาบัตร โดยในงานพิธีได้มีวีดิทัศน์ที่บอกเล่าเรื่องราวแรงบันดาลใจการทำงาน ความสำเร็จ ของผู้ที่ได้รับรางวัล เพื่อให้นักศึกษาและบัณฑิตได้รับชม
อาจารย์นิติ มุขยวงศา ผู้ช่วยรองอธิการบดีสายงานกิจการนักศึกษา DPU อธิบายถึงที่มาของคอนเซ็ปต์งานรับปริญญาที่แตกต่างไปจากเดิมว่า เพื่อให้เป็นหนึ่งในวันแห่งความทรงจำของนักศึกษาและครอบครัว ที่เต็มไปด้วยช่วงเวลาแห่งความสุขและสนุกสนาน พร้อมกับสร้างความภาคภูมิใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองในคราวเดียวกัน จึงได้ลดและจัดสรรให้เหลือเฉพาะพิธีการที่สำคัญเท่านั้นในวันจริงเพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ ส่วนในวันซ้อมรับ ได้เพิ่มไฮไลต์จากเดิมที่เป็นการซ้อมรับปริญญาบัตร ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นมอบเกียรติบัตรให้นักศึกษา โดยสามารถโพสต์ท่าถ่ายรูปแบบฟรีสไตล์ แสดงความดีใจในแบบของตัวเองได้อย่างเต็มที่
"ทุกคนเซอร์ไพรส์กันมากที่เราจัดกิจกรรมรูปแบบนี้ เราก็ดีใจที่เด็กๆ และผู้ปกครองชอบ เดินมาพูดคุยทุกคนมีความสุข เพราะเป็นวันแห่งครอบครัวและอย่างที่เราทราบกันดีว่างานรับปริญญาหลายมหาวิทยาลัยเริ่มมีการปรับ เราก็เลยสำรวจความคิดเห็นนักศึกษา เขาบอกว่าอยากจะสนุก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการความศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้จครอบครัวได้ภูมิใจในความสำเร็จ เราจึงนำทั้ง 2 ส่วนมาบาลานซ์เข้าด้วยกัน"
ขณะที่บัณฑิตปริญญาโท หลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต ภัทราพร หวัง หรือ "เฟิร์ส หวัง" เล่าความประทับใจว่า เซอร์ไพรส์มากกับงานรับปริญญาปีนี้ เพราะยังไม่เคยเห็นที่ไหนที่รวม 2 รูปแบบ ทั้งความสนุกสนานและความภาคภูมิใจเข้าด้วยกันในคอนเซ็ปต์เดียว ทำให้ตลอดทั้งสัปดาห์ไม่ว่าจะวันซ้อมและวันรับจริงเป็นวันครอบครัวและความสำเร็จ โดยที่มีคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังอยู่รวมเฟรมภาพเดียวกัน เป็นภาพความทรงจำที่ดีมาก
เฟิร์ส หวัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนตัดสินใจถูกที่เลือกเรียนต่อที่ DPU เพราะมาเรียนแล้วสัมผัสได้ว่าหลักสูตรทันสมัยตอบโจทย์หน่วยงานองค์กรและไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ เรียนแล้วสามารถนำไปใช้จริงได้ทันที นอกจากนี้อาจารย์ยังเข้าใจและใส่ใจ รู้ว่าแต่ละคนควรเสริมเรื่องอะไร เพราะแต่ละคนมีความชอบและถนัดไม่เหมือนกัน ส่วนบรรยากาศคลาสเรียน เหมือนเป็นการดึงคนเก่งๆ มาแชร์ความรู้และมุมมองที่หลากหลาย ทำให้ได้เห็นองค์ความรู้ที่ดีกว่าที่เราคิด สามารถนำมาปรับใช้พัฒนาสเกลงานหรือสิ่งที่ทำอยู่ได้ดีและใหญ่ขึ้นอีกด้วย
ไม่ต่างไปจากนักแสดงชื่อดัง แดนนี่ ลูเซียโน่ บัณฑิตปริญญาตรีป้ายแดง จากคณะนิเทศศาสตร์ เผยถึงความรู้สึกวันรับปริญญาว่า ตื่นเต้นมากเพราะเป็นครั้งแรก เมื่อเช้ายังนั่งนึกอยู่ว่า วันรับปริญญาต้องทำอะไรบ้าง แล้วก็มีคนมาเยอะแยะไปหมด แต่วันนี้รู้สึกได้เลยว่าทุกคนแฮปปี้มาก สำหรับงานวันซ้อมรับปริญญา เห็นคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียแล้วก็เสียดายที่ไม่ได้มาถ่าย แต่ส่วนตัวตั้งใจจะต่อปริญญาโทด้านบริหารที่ DPU อยู่แล้ว เดี๋ยวค่อยไปสร้างคอนเทนต์ตอนนั้นก็ได้ ทั้งนี้ DPU เหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 เรื่องความใส่ใจของอาจารย์ถือว่าสุดยอดมาก คอยตามจี้ให้ส่งงานให้มาเรียน ถึงแม้เราจะมีออกนอกทางไปบ้างแต่อาจารย์ท่านก็ตามตลอด หรือบางครั้งก็เป็นรุ่นพี่มาตาม เพราะรุ่นพี่ก็ซึมซับมาจากอาจารย์
"เราได้รับความเทคแคร์ที่มันส่งต่อกันเป็นธรรมเนียมแบบนี้ทำให้เรียนแล้วรู้สึกอบอุ่น ไม่ได้มาแข่งชิงดีชิงเด่น แต่จับมือเดินไปพร้อมกัน นอกจากนี้หลักสูตรที่นี่ทันสมัยอัปเดตตลอดเวลา อย่างเรื่องการผลิตสื่อที่ผมเรียน เรียนปุ๊บได้ใช้ปั๊บจริงๆ คือตอนนี้นิยามส่วนตัวไม่ใช่แดนนี่นักแสดง แต่เป็นแดนนี่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้วย เป็นผู้กำกับด้วย และได้ทำคลิปอสังหาขายบ้านลงเว็บไซต์อยู่ตอนนี้ โดยในอนาคตยังมีงานโปรดักชันที่จะทำต่ออีก ทั้งหมดก็ได้จากที่เรียน และที่สำคัญเลยทักษะผู้ประกอบการที่มหาวิทยาลัยบ่มเพาะ ทำให้มีวันนี้ ก็ต้องขอบคุณสถาบันจริงๆ"