บมจ.แอลดีซี เด็นทัล หรือ LDC ศูนย์ทันตกรรมทันตแพทย์เฉพาะทาง เผยโค้งสุดท้ายของปี คาดแนวโน้มผู้รับบริการทันตกรรมจะเพิ่มสูงขึ้น แม้ในช่วงที่ผ่านมาการใช้บริการจากลูกค้าชะลอตัวจากสภาวะเศรษฐกิจ แต่ด้วยบริการที่เป็นมาตรฐานและมุ่งเน้นความปลอดภัย จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้รับบริการได้ โดยในงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ทำรายได้อยู่ที่ 323 ล้านบาท กำไรสุทธิเกือบ 18 ล้านบาท
ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ผู้ให้บริการศูนย์ทันตกรรมทันตแพทย์เฉพาะทางในนาม "LDC Dental" กางแผนกลยุทธ์การเติบโตในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงนี้ถือว่าเป็นเรื่องท้าทาย บริษัทได้ปรับกลยุทธ์และแผนกระตุ้นการเข้าใช้บริการของลูกค้าอย่างเข้มข้น และรักษามาตรฐานของการเติบโตของรายได้
โดยล่าสุด บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2566 รายได้รวมอยู่ที่ 322.78 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17.77 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิ 5.51% พร้อมกับรักษา EBITDA Margin อยู่ที่ 20.33% ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/2566 LDC มีรายได้รวมอยู่ที่ 105.69 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 104.14 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 1.55 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่ลดลง สาเหตุเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจลูกค้าชะลอการซื้อ ส่งผลให้ลูกค้าลดลง และลดลงจากรายได้ความงาม เนื่องจากปิดดำเนินการ แต่โดยภาพรวม LDC ยังสามารถทำกำไรได้ที่ 3.45 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.27%
อย่างไรก็ดี LDC ยึดมั่นในมาตรฐานและชูเรื่องความปลอดภัยของห้องทำฟันที่เทียบเท่าห้องผ่าตัด รวมทั้งทยอยปรับรูปลักษณ์สาขา เป็น "โรงพยาบาลขนาดเล็ก" เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้รับบริการและรองรับการเติบโตในอนาคต ภาพรวมโค้งสุดท้ายของปีในไตรมาส 4/2566 เริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น คาดลูกค้าจะเริ่มกลับมาใช้บริการทันตกรรมมากขึ้นกว่าเดิมจากที่ตั้งไว้ หลังจากที่ชะลอตัวการเข้ารับบริการในช่วงที่ผ่านมา ทั้งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือสภาพเศรษฐกิจ
ทันตแพทย์วัฒนา (หมอหนึ่ง) ได้กล่าวเสริมอีกว่า "บริษัทตั้งเป้าที่จะให้ทุกสาขาเป็น Profit center มุ่งเน้นการยกระดับสาขาเดิมให้พรีเมียม และมองหาโอกาสใหม่ หรือธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มรายได้ อีกทั้งเตรียมความพร้อมสู่การขยายสาขาในโซนภาคใต้ รูปแบบโรงพยาบาลขนาดเล็ก ชูความปลอดภัยขั้นสูง นำร่องจังหวัดตรังเป็นแห่งแรก คาดว่าจะรับรู้รายได้ต้นไตรมาส 2/2567"