กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--ทรู คอร์ปอเรชั่น
ทรูประกาศผลประกอบการ ประจำไตรมาส 1 ปี 2548
ปัจจัยพื้นฐานทรูพัฒนาปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง คาด ทีเอ ออเร้นจ์ จะทำกำไรได้ ในไตรมาส 4
ปัจจัยพื้นฐานของทรูพัฒนาปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของทีเอ ออเร้นจ์ และ ธุรกิจบรอดแบนด์และอินเทอร์เน็ต โดย คาดว่า ทีเอ ออเร้นจ์ จะสามารถทำกำไรได้ ภายในไตรมาส 4 ปี 2548 นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวภายหลังการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสแรก ปี 2548
ทรูมีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 9.6 จากไตรมาส 4 ปี 2547 เป็น 12.1 พันล้านบาท โดยรายได้จาก ทีเอ ออเร้นจ์ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 52 ของรายได้รวม (จากร้อยละ 47 ในไตรมาส 4 ปี 2547)
ทรูมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสนี้ จำนวน 146 ล้านบาท ภายหลังกำไรจากการชำระคืนตั๋วเงินจ่าย จำนวน 370 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 142 ล้านบาท โดยมีขาดทุนจากผลการดำเนินงานปกติ ลดลงในอัตราร้อยละ 61.6 จากไตรมาสที่ผ่านมา เป็น 487 ล้านบาท สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก ทรูได้รับรู้ผลขาดทุนจาก ทีเอ ออเร้นจ์ ลดลง เป็น 170 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ (จากขาดทุน 221 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2547) ทั้งนี้บริษัท คาดว่า ทีเอ ออเร้นจ์ จะเริ่มมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงาน (รายเดือน) ได้ในไตรมาส 4
กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่ายโดยรวม (EBITDA) เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 19.1 จากไตรมาส 4 ปี 2547 เป็น 4.4 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่เนื่องจาก ทีเอ ออเร้นจ์ มี EBITDA เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 34 เป็น 1.6 พันล้านบาท
นอกจากนั้น อัตราการทำกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่ายโดยรวม (EBITDA margin) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 36.7 (จากร้อยละ 33.8 ในไตรมาส 4 ปี 2547) โดย ทีเอ ออเร้นจ์ มี EBITDA margin ปรับตัวดีขึ้น เป็นร้อยละ 26 (จากร้อยละ 23 ในไตรมาส 4 ปี 2547)
รายได้จากทีเอ ออเร้นจ์ เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 20.9 จากไตรมาสที่ผ่านมา เป็น 6.3 พันล้านบาท เนื่องจากมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 15.9 (537,798 ราย) เป็น 3.9 ล้านราย ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (Blended ARPU) คงที่ที่ ระดับ 476 บาท ซึ่งเป็นผลจากการปรับเปลี่ยนอัตราค่าบริการเป็นต่อนาที รวมทั้งปริมาณการใช้งานของลูกค้าเพิ่มขึ้น
ทีเอ ออเร้นจ์ นำเสนอโปรโมชั่นในรูปแบบใหม่ๆ ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดโดยรวม เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 13.7 ณ ปลายเดือน มีนาคม 2548 (จากร้อยละ 12.5 ณ สิ้นปี 2547)
นายศุภชัย กล่าวว่า “รายได้จากบริการบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไป เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 จากไตรมาสที่แล้ว เป็น 461 ล้านบาท โดยมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200,000 ราย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2548 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังการเปิดให้บริการไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ตแบบเติมเงิน (Pre Pay hi-speed Internet) ในเดือนเมษายน ปี 2548 ซึ่งนับว่าทรูเป็นรายแรกของประเทศที่ให้บริการนี้”
“เราได้ครอบครองกลุ่มผู้ใช้บริการบรอดแบนด์กลุ่มแรกของตลาด และกำลังขยายไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ”
การเติบโตของธุรกิจบรอดแบนด์ ทำให้ธุรกิจอินเทอร์เน็ตของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น และช่วยชดเชยการลดลงของรายได้จากบริการโทรศัพท์พื้นฐาน ซึ่งลดลงในอัตราร้อยละ 7 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็น 3.9 พันล้านบาท
ธุรกิจ วีพีซีที ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการให้บริการ เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 6.8 จากไตรมาส 4 ปี 2547 เป็น 426 ล้านบาท และรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 13.2 เป็น 308 บาทต่อเลขหมาย ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
นายศุภชัย กล่าวว่า "ในไตรมาสนี้ กลุ่มบริษัททรูยังได้เปิดตัว True Online, Dual Phone, VDSL อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับองค์กรธุรกิจ และ Music World ตามกลยุทธ์การเป็นผู้นำในการให้บริการสื่อสารครบวงจร สอดคล้องตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการผสมผสาน (Convergence) ของบริการสื่อสารต่างๆ ในอนาคต”
นายวิลเลี่ยม แฮริส หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (CFO) กล่าวเสริมว่า “อัตราส่วนด้านหนี้สินของทรู ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA (รวมทีเอ ออเร้นจ์) ลดลงเป็น 4.4 เท่า ในไตรมาสนี้ จาก 6.0 เท่าในปี 2547 และอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่าย เพิ่มขึ้นเป็น 3.6 เท่า จาก 3.1 เท่า "
"นอกจากนั้น หนี้สินโดยรวมของบริษัทลดลงจำนวน 787 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ภายหลังการชำระคืนตั๋วเงินจ่าย " นายแฮริส กล่าวในที่สุด
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ (039) 16/05/2548:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทรู
ศิษฎิ /พิมลพรรณ / ณวนุช : 02-643-2463, 02-699-2772, 02-699-2774 ,--จบ--