นายวัชรพงษ์ รัตนปิลัมธน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี-เวลล์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันตลาดเครื่องฟอกอากาศมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี จากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากฝุ่น PM 2.5 ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น Bwell ในฐานะผู้นำทางด้านเทคโนโลยีเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งอยู่ในตลาดเครื่องฟอกอากาศมาเป็นระยะเวลานานและมีการพัฒนาเทคโนโลยีสร้างนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เห็นความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อรองรับสภาพการณ์ปัจจุบัน จึงได้เปิดตัวเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ AP-P4019US ที่ช่วยดูดซับก๊าซพิษ และประหยัดไฟมากขึ้นกว่าเดิม รองรับการเชื่อมต่อ WIFI มีระบบการสั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่น
"Bwell เติบโตมากับตลาดเครื่องฟอกอากาศ ตลอดระยะเวลา 10 ปี และมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่เสมอเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันโดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้มีแค่เชื้อไวรัสเท่านั้นแต่ยังมีก๊าซพิษอีกหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ Bwell จึงได้คิดค้นนวัตกรรมการกรองเพิ่มขึ้นอีก 1 ขั้นตอนเพื่อช่วยดูดซับก๊าซพิษ เช่น อัลดีไฮด์ กรดอินทรีย์ ออกไซด์ของกำมะถันและไนโตรเจนออกไซด์ โดยใช้ Potassium Permanganate เป็นสารดูดซับ"
" นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องฟอกอากาศที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 120 ตารางเมตรโดยมี CADR สูงถึง 850 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (500CFM) สูงกว่ารุ่นเดิมถึง 43% แต่ใช้กำลังไฟแค่ 57 วัตต์เท่านั้น ซึ่งประหยัดไฟกว่ารุ่นเดิมถึง 19% ที่สำคัญยังสามารถเชื่อมต่อ wifi และสั่งงานผ่านแอพได้ด้วย ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ ห้าง Paragon Emporium Central Homepro Powerbuy The Mall และช่องทางออนไลน์ Lazada Shopee"
นายวัชรพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่าหลังจากที่ประเทศไทยพบวิกฤตฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ตลาดเครื่องฟอกอากาศเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10% และมีการแข่งขันสูง มีแบรนด์ใหม่ๆเข้าสู่ตลาดตามกระแสมากขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคมีมุมมองเปลี่ยนไปจากเดิมมองว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยแต่ปัจจุบันกลายเป็นสินค้าจำเป็น ส่งผลให้ตลาดมีการเติบโตและมีมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 4,000ล้านบาท