ในการแพทย์แผนจีนโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จะสามารถจัดอยู่ในกลุ่มโรค "?? Wang bi"หรือ "?? Wan bi" "??? Li Jie Feng" ซึ่งจัดเป็นโรคปวดข้อที่รักษาได้ยาก
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เป็นโรคทางระบบภูมิคุ้มกัน ที่มีการดำเนินของโรคค่อนข้างยาวนาน ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด และยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ โดยการใช้ยาแผนปัจจุบันมักใช้กลุ่มยาประเภทยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) สเตียรอยด์ และสารชีวภาพ เพื่อลดอาการเจ็บปวดของข้อที่อักเสบ และควบคุมการดำเนินของโรค ซึ่งต้องระวังผลข้างเคียงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ยากลุ่มชีวภาพมีราคาค่อนข้างสูง
การควบคุมการดำเนินขอโรคเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีหลายปัจจัยกระตุ้นให้กำเริบ โดยปัจจัยที่พบได้บ่อย คือ ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ เหนื่อยล้าเกินไป ซึ่งการรักษาแบบผสมผสาน โดยยาแพทย์แผนปัจจุบันและได้รับการฝังเข็มหรือการทานสมุนไพรในทางการแพทย์แผนจีน จะทำให้อาการของโรคสงบ และลดโอกาสการกำเริบหรือเกิดซ้ำของโรคได้ โดยในการรักษาต้องใช้เวลา ส่วนมากจะเป็นการรักษาระยะ ซึ่งต้องควบคู่ไปกับการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันของผู้ป่วย เช่น การลดความเครียด ฝึกปล่อยวาง ออกกำลังกาย ปรับอาหารให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย โดยให้เกิดการผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับ และอาการท้องผูก ในรายที่มีปัญหาความเครียดซึ่งมักมีทั้งปัญหาการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพและเกิดอาการท้องผูกร่วมด้วย
ในการแพทย์แผนจีนมองว่าโรคข้ออักเสบต่าง ๆ เป็นโรคที่จัดอยู่ในกลุ่ม ?? หรือ "ปี้เจิ้ง" ซึ่งรวมไปถึงโรคปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ข้อเสื่อม ข้ออักเสบต่าง ๆ โดยแต่ละชนิดจะมีพยาธิสภาพ อาการ และการดำเนินของโรคที่ต่างกัน
สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
พื้นฐานร่างกายของผู้ป่วยอ่อนแอ ภูมิก่อนกำเนิดพร่อง เจิ้งชี่พร่อง ทำให้เกิดความพร่องของตับและไต สารจิงและเลือดไม่พอ โดยปกติเอ็นและกระดูกจะได้รับการหล่อเลี้ยง จากเลือดและหยางชี่ของตับและไต เมื่อการทำงานของตับบกพร่องจะส่งผลให้การหล่อเลี้ยงเส้นเอ็นไม่เพียงพอ และการที่สารจิงในไตพร่องจะส่งผลต่อกระดูกต่าง ๆ
เสียชี่จากภายนอกที่มากระทำ เช่น ลม ความเย็น ความชื้น อุดกั้นเส้นลมปราณ ทำให้การไหลเวียนของชี่และเลือดติดขัด เกิดภาวะเลือดคั่ง มีความร้อนและเสมหะสะสม เป็นต้น โดยลมจะทำให้เกิดอาการปวดข้อต่าง ๆ สลับกันไปเรื่อย ๆ ความเย็นทำให้เกิดการอุดกันของชี่และเลือด ทำให้เกิดอาการปวดและมีการหดเกร็งของข้อต่อและเอ็น ทำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวก ความชื้นมีลักษณะเด่น คือ จะทำให้การขยับข้อต่าง ๆ มีการอาการหนัก หนืด บวม ตึง ซึ่งถ้าเสียชี่เหล่านี้รุกรานเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดความร้อนและอุดกั้นการไหลเวียนของชี่และเลือดโดยเฉพาะในเส้นลมปราณและเส้นเลือดบริเวณกล้ามเนื้อและข้อต่อ หากไม่ได้รับการรักษาจะกระจายไปทั่วร่างกาย หากพื้นฐานของร่างกายอินพร่อง หรือเลือดพร่อง จะเกิดความร้อนภายใน ซึ่งจะส่งผลทำให้สารน้ำที่หล่อเลี้ยงในร่างกายแห้งจนเกิดเป็นเสมหะ ความร้อนและเสมหะจะทำให้อุดกั้นเส้นลมปราณและเลือดที่หล่อเลี้ยงข้อต่อจึงเกิดอาการ บวม ตึง อักเสบ และผิดรูป
อารมณ์ทั้งเจ็ดก่อโรค อารมณ์ต่าง ๆ เช่น โกรธ คิดมาก กังวล เมื่อมีมากเกินไปจะทำให้การไหลเวียนของชี่ติดขัด ในสภาวะปกติชี่จะคอยให้ความอบอุ่นแก่อวัยวะต่าง ๆ และเลือดจะส่งอาหารและหล่อเลี้ยงร่างกาย เมื่อชี่ติดขัดจะส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้เกิดภาวะเลือดคั่ง และเกิดอาการปวดอย่างรุนแรง
การทำงานและการพักผ่อนที่ไม่สมดุล การตรากตรำมากเกินไปทำให้หยางชี่พร่อง ส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายบกพร่อง เมื่อเสียชี่ต่าง ๆ เช่น ลม ความเย็น และ ความชื้นเข้ากระทำ จึงก่อโรคได้ง่าย หากมีกิจกรรมทางเพศที่มากเกินไปมีผลให้สารจิงลดลง มีผลต่อภูมิต้านทานของร่างกาย ขณะเดียวกันการพักผ่อนมากเกินไปจะมีผลให้การสร้างชี่ของม้ามและกระเพาะลดลงทำให้การลำเลียงอาหารและการดูดซึมอาหารบกพร่อง ทำให้การสร้างชี่และเลือดลดลง การออกกำลังกายที่น้อยเกินไปจะมีผลให้การไหลเวียนของชี่และเลือดลดลง ในระยะยาวจะส่งผลต่อเส้นเอ็นและกระดูกทั่วร่างกาย การอุดกั้นของชี่ เลือดและสารจิง ทำให้เกิดเสมหะคั่งค้างโดยเฉพาะในข้อต่อ การปรับการใช้ชีวิตให้เหมาะสมจะส่งผลดีต่อสุขภาวะองค์รวม ทำให้โรคสงบ และลดโอกาสการกำเริบของโรค
การรักษาด้วยการแพทย์แผนจีน
เนื่องจากการเกิดโรคนี้ค่อนข้างซับซ้อน การรักษาจึงจำเป็นต้องใช้สมุนไพรจีนร่วมกับการฝังเข็ม รมยา ครอบแก้ว อบสมุนไพร โดยจะต้องคำนึงถึงระยะของโรค วิเคราะห์สาเหตุของโรคร่วมกับความสมดุลของอวัยวะภายในและร่างกายจึงสามารถวางแนวทางการรักษาได้
- สอบถามข้อมูล หรือปรึกษาเรื่องสุขภาพได้ที่ "ทีมหมอจีน" คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว โทร 02 223 1111
- เปิดทำการทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 08:00 - 16:00 น.
- LINE OA: @huachiewtcm
- Facebook: หัวเฉียวแพทย์แผนจีนกรุงเทพ Huachiew TCM Clinic