ฟันแท้ตามธรรมชาติ คือ ฟันที่ดีที่สุดในการใช้งาน แต่บางครั้งเราอาจต้องสูญเสียฟันแท้ไปอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผลที่ตามมาอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้สูญเสียฟัน เช่น พูดไม่ชัด เคี้ยวอาหารลำบาก หรือเกิดความไม่มั่นใจในการยิ้ม เป็นต้น
ปัจจุบันวงการทันตกรรมมีทางเลือกหลากหลายมาช่วยทดแทนฟันที่สูญเสียไป ไม่ว่าจะเป็นฟันปลอมแบบถอดได้, การทำสะพานฟัน ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่หนึ่งในนวัตกรรมที่ดีที่สุดในเวลานี้ คือ การทำรากฟันเทียม
สำหรับการทำรากฟันเทียม คือ นวัตกรรมทันตกรรมทดแทนฟันด้วยวิธีการฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกรภายใต้เหงือก ซึ่งทำจากโลหะไททาเนียมที่มีรูปร่างคล้ายกับรากฟันแท้ เพื่อช่วยทดแทนรากฟันแท้ที่สูญเสียไป โดยการใส่ฟันด้วยรากฟันเทียมสามารถทำได้โดยไม่ต้องกรอฟันข้างเคียง เมื่อรากเทียมเกาะติดแน่นกับกระดูกแล้ว ทันตแพทย์จะทำครอบฟันต่อขึ้นมาจากราก วิธีนี้ถือเป็นการใส่ฟันที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติที่สุด เป็นการก้าวข้ามข้อจำกัดของการทำฟันปลอมแบบอื่นๆ ที่ผ่านมา
แม้การทำรากฟันเทียมจะเป็นนวัตกรรมที่ดีและทันสมัย แต่ทั้งนี้ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ยังลังเล สงสัย และมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการทำรากฟันเทียม ซึ่งจากความเชี่ยวชาญของ ผศ.ทพ.ดร.อธิคม สุรินทร์ธนาสาร ผอ.การแพทย์ ศูนย์ทันตกรรมเอเดลไวซ์ เดนทัลเฮ้าส์, อาจารย์ประจำสาขาทันตกรรมรากเทียม คณะ ทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ อดีตกรรมการสมาคมทันตกรรมรากเทียมแห่งประเทศไทย ได้มาไขความเข้าใจผิดและความกังวลเกี่ยวกับการทำรากฟันเทียม จากประสบการณ์ที่ผ่านเคสมานานนับสิบปี
โดยมาตรฐานการทำรากฟันเทียมของประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลกจะมีการนำเอกซเรย์ 3 มิติหรือที่เรียกว่า CT Scan มาใช้เพื่อความแม่นยำในการวินิจฉัยและกำหนดตำแหน่งในการวางรากฟันเทียม ไปจนถึงวัดขนาดรากฟันเทียมที่เหมาะสมพอดีกับช่องว่างของฟัน ทำให้ช่วยลดโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนได้ และได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดี
ส่วนเหตุว่าทำไมถึงการเลือกใช้โลหะไทเทเนียมมาเป็นวัสดุในการทำรากฟันเทียม เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถเกาะติดกับกระดูกได้ดี มีความแข็งแรงทนทาน ที่สำคัญที่สุดเป็นวัสดุที่เข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์ (Biocompatibility) ซึ่งได้รับมาตรฐานและได้รับการยอมรับในทางการแพทย์ทั่วโลก จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย
นอกจากนี้ทันตแพทย์จะมีการฉีดยาชาก่อนดำเนินการ อีกทั้งก่อนการฉีดยาชาจะมีการทายาชาน้ำหรือยาชาเจลทาที่เหงือกก่อนจะฉีดยาชา ฉะนั้นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจะแค่กดๆ ดันๆ เท่านั้น ส่วนความรู้สึกหลังทำรากฟันเทียมจะอยู่ในระดับรำคาญเท่านั้น หรือในระดับทานยาแก้ปวดก็บรรเทาหายได้ สามารถใช้ชีวิตประจำได้ปกติ
จากข้อเท็จจริงเหล่านี้เชื่อว่าจะคลายความสงสัยและความกังวลใจให้กับผู้ที่มีแผนจะทำรากฟันเทียมกันบ้างไม่มากก็น้อย
ทั้งนี้ก่อนรับการรักษาควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในแต่ละเคสที่มีการรักษาแตกต่างกัน โดยสามารถขอรับคำแนะนำและคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์ทันตกรรม "เอเดลไวซ์ เดนทัลเฮ้าส์" มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้บริการ โดยทันตแพทย์ทุกท่านจะใช้เวลาในการอธิบายและให้คำแนะนำก่อนการรักษาทุกครั้ง ด้วยบริการการรักษาทันตกรรมเฉพาะทางครบทั้ง 8 สาขา ได้แก่ รากเทียม, ครอบฟัน, ฟันปลอม, จัดฟัน, ทันตกรรมสำหรับเด็ก, รักษารากฟัน, ผ่าฟันคุด และ ทันตกรรมเพื่อความสวยงาม ด้วยการรักษาพิถีพิถันทุกขั้นตอนในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ
สำหรับผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 091-441-6663, ไลน์ @edelweissdental หรือ https://www.edelweissdentalhouse.com/