โซเด็กซ์โซ่ บริษัทผู้นำระดับโลกในระบบอาหารที่ยั่งยืนและการสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าในทุกช่วงเวลาของชีวิต และให้บริการบริหารอาคารแบบครบวงจรที่ครอบคลุมถึง งานซ่อมบำรุง งานบริการรักษาความสะอาด งานดูแลรักษาความปลอดภัย งานดูแลปรับภูมิทัศน์ และอื่นๆ จากประเทศฝรั่งเศส โดยหลังจากที่ธุรกิจมีการฟื่นตัวและสามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ โซเด็กซ์โซ่ ได้นำเสนอการบริการด้วย Business Model ใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาสนับสนุนการปฏิบัติงานและโซลูชั่นต่างๆ ด้วยการดูแลอย่างรับผิดชอบเพื่อเร่งบรรลุเป้าหมายการเติบโตของลูกค้า นอกจากนี้ ยังสนับสนุนและพัฒนาบุคลากรด้านทักษะต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างประสิทธิภาพ ปัจจุบัน โซเด็กซ์โซ่ ได้ให้บริการลูกค้าจำนวนกว่า 200 สาขาในประเทศไทย ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 3,700 คน และให้บริการใน 45 ประเทศทั่วโลกด้วยจำนวนพนักงานรวม 430,000 คน
มร. อาร์โนด์ เบียเลคกิ กรรมการผู้จัดการ โซเด็กซ์โซ่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "ตลอดเวลาร่วม 20 ปีของโซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย เราคำนึงถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับสูงสุดจากบริการของเราเป็นหลักในด้านต่างๆ โดยมีการพัฒนาการให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า โดยหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เราได้อัปเดตการให้บริการในรูปแบบ Business Model ใหม่นำเสนอให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นแผนการทำงานที่ยึดหยุ่นโดยมีการปรับต้นทุนด้วยการปรับโครงสร้างลักษณะการทำงานและรายได้เป็นหลัก ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ลูกค้าบรรลุถึงความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังช่วยลดการใช้พลังงาน ลดปัญหาภาวะโลกร้อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน รวมทั้ง ยังสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตที่นับเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโตของลูกค้าอีกด้วย"
เน้นย้ำความปลอดภัยการบริการด้านอาหาร
เนื่องจากธุรกิจบริการด้านอาหารเป็นธุรกิจหลักและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในฐานะผู้ให้บริการด้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่บริการแก่ผู้บริโภค 80 ล้านคนต่อวัน ทำให้ โซเด็กซ์โซ่ มุ่งเน้นให้ความสำคัญในด้านมาตรฐานของคุณภาพ ความสะอาด และความปลอดภัยอย่างยิ่ง มีการลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของซัพพลายเออร์ในทุกขั้นตอนเพื่อให้แน่ใจว่าจะไปตามที่บริษัทกำหนด เพราะโซเด็กซ์โซ่ต้องการร่วมทำงานกับซัพพลายเออร์ที่มีคุณภาพในระยะยาว เพื่อพัฒนาการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคเป็นหลักโดยที่ไม่ได้ใช้ราคาเป็นตัวตัดสิน จึงมีข้อกำหนดที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ อาทิ
- เป็นธุรกิจเอสเอ็มอี เพราะต้องการสนับสนุนในการกระจายรายได้ไปยังชุมชนต่างๆ อย่างทั่วถึง
- ผู้ประกอบการเป็นสตรี เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกเพศมีสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน
- เป็นสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อาหารทะเล น้ำมัน กาแฟ ที่มาจากฟาร์มที่ยั่งยืน
- แหล่งวัตถุดิบที่มาจากพื้นที่ไม่ไกลมาก เพื่อช่วยลดขั้นตอนในการขนส่งและช่วยลดฝุ่น PM 2.5
ปัจจุบัน การบริการด้านอาหารในสถานที่ทำงานถือเป็นจุดเด่นของแต่ละองค์กรทำให้กลายเป็นที่ใฝ่ฝันของคนทำงานรุ่นใหม่ต้องการเข้าไปทำงานด้วย ซึ่งโซเด็กซ์โซ่ได้ให้บริการด้านอาหารสำหรับหลากหลายองค์กร อาทิ บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก สถานศึกษานานาชาติ สถานพยาบาลชั้นนำ และองค์กรในพื้นที่ห่างไกลบนแท่นขุดเจาะน้ำมัน เป็นต้น
โซเด็กซ์ ได้รับเลือกให้เป็นผู้บริหารจัดการด้านอาหารในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกในปี 2024 ที่กรุงปารีส
คณะกรรมการจัดงานมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกเกมส์ที่ปารีส 2024 ได้ลงนามบรรลุข้อตกลงเพื้อเลือกให้ โซเด็กซ์โซ่ กรุ๊ป เป็นผู้บริหารจัดการด้านอาหารสำหรับการแข่งขันทั้ง 2 รายการนี้ ให้แก่นักกีฬากว่า 200 ประเทศ และเจ้าหน้าในการแข่งขันทั้งหมด และเพื่อให้เมนูอาหารมีสีสันและถูกปากนักกีฬาที่มีความคุ้นเคยในรสชาติอาหารที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ โซเด็กซ์โซ่ ได้ส่งเชฟจากทั่วโลกเพื่อร่วมกันรังสรรค์เมนูต่างๆ ให้เป็นที่น่าประทับใจ และเพื่อให้นักกีฬาไทยของเรามีสภาพร่างกายและจิตใจที่พร้อมเพรียง จึงได้พาเชฟชาวไทยไปด้วยเพื่อทำอาหารไทยที่นักกีฬาเราคุ้นเคยเหมือนรับประทานที่บ้าน และเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อช่วยให้พวกเขามีพลังกายพลังใจในการแข่งขันได้อย่างเต็มที่
มุ่งมั่นที่จะเติบโตไปพร้อมกัน และเคียงคู่เป็นพันธมิตรกับลูกค้าอย่างยั่งยืน
ด้านการปรับค่าแรงขึ้นต่ำ นอกจากเพื่อขานรับนโยบายรัฐบาลแล้ว ยังมีอีกหลากหลายภาคส่วนทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เป็นแรงกดดันในการปรับค่าแรงขึ้นต่ำ ซึ่งปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 335 - 340 บาทต่อวัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องหันมาปรับกลยุทธ์ในธุรกิจอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เส้นทางธุรกิจสามารถเติบโตไปอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ โซเด็กซ์โซ่ เน้นย้ำว่าจะไม่ผลักให้เป็นภาระแก่ลูกค้าฝ่ายเดียว แต่มีข้อเสนอในรูปแบบ Business Model ใหม่ เพื่อปรับค่านิยมเดิมและให้ลูกค้าได้เปิดใจ โดยเฉพาะด้านการเลือกบุคลาการ เช่น ลูกค้ามากกว่า 95% เน้นที่จำนวนบุคลากร มีการระบุเพศ อายุ และเวลาทำงาน ดังนั้น การที่จะก้าวผ่านความท้าท้ายในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะนำเสนอให้ลูกค้าหันมาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนำ
มาปฏิบัติงานร่วมกับบุคลากรที่มีความชำนาญในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อให้การทำงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และช่วยลดต้นทุนแทนการใช้บุคลากรเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง ให้ลูกค้าพิจารณาความสามารถแทนการเลือกที่เพศและอายุ นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนให้ลูกค้าที่ทำธุรกิจส่งออกไปยังแถบยุโรปและอเมริกาได้ทำตามกฏกติกาของ SMETA ที่เป็นมาตรฐานนานาชาติด้านจริยธรรมในการทำธุรกิจอีกด้วย
การขยายธุรกิจในนาม โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด
เป็นความร่วมมือระหว่าง โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย และ อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาและจัดการด้านนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย เพื่อให้บริการอย่างครบวงจรกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และระยอง ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าทั้งหมดประมาณ 87 บริษัท 95 ไซต์งาน ภายใต้การบริหารจัดการจากผู้เชี่ยวชาญทั้งสององค์กรร่วมกันนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อลดภาวะโลกร้อน รวมทั้งยังมีการจัดประชุมสัมนาสำหรับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันเพื่อก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี พ.ศ. 2583