สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เผยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พยากรณ์คาดการณ์ 3 โรค ที่จะระบาดในปี 2567 ประกอบด้วย โรคโควิด 19 โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้เลือดออก โดยรวบรวมสถิติจากการเฝ้าระวังข้อมูลทางระบาดวิทยาในช่วงที่ผ่านมา
โรคโควิด 19 ถือเป็นโรคที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะมีภูมิคุ้มกัน สามารถลดความรุนแรงเมื่อติดเชื้อ แต่ต้องเฝ้าระวังในกลุ่มเปราะบาง 608 เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไตวายเรื้อรัง โรคอ้วน มะเร็ง และหญิงตั้งครรภ์ ที่ต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากไปในสถานที่เสี่ยงให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ โดยปี 2566 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยทั้งหมด 652,868 ราย เสียชีวิต 848 ราย จึงได้มีการคาดการณ์ว่าปี 2567 จะพบผู้ป่วยประมาณ 649,520 ราย ขณะที่เขตสุขภาพที่ 12 ปี 2566 พบผู้ป่วยทั้งหมด 9,092 ราย เสียชีวิต 7 ราย สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคระบบทางเดินหายใจเช่นเดียวกันกับโรคโควิด 19 มีความรุนแรงสามารถทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน ซึ่งประชาชนสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิดได้พร้อมกันปีละ 1 ครั้ง ข้อมูลสถานการณ์ในปี 2566 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 460,325 ราย เสียชีวิต 29 ราย และคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะพบผู้ป่วยประมาณ 346,110 ราย ขณะที่เขตสุขภาพที่ 12 ปี 2566 พบผู้ป่วยทั้งหมด 22,471 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนโรคไข้เลือดออก มียุงลายเป็นพาหะ โดยในปี 2566 พบผู้ป่วยทั้งหมด 156,097 ราย เสียชีวิต 187 ราย และคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะพบผู้ป่วยประมาณ 276,945 ราย เสียชีวิต 280 ราย ดังนั้นประชาชนทุกคนต้องช่วยกันเก็บบ้าน เก็บขยะ เก็บภาชนะให้สะอาดเรียบร้อย ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ขณะที่เขตสุขภาพที่ 12 ปี 2566 พบผู้ป่วยทั้งหมด 15,969 ราย เสียชีวิต 28 ราย
นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขณะนี้มีการระบาดของโรคไอกรน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็ก ซึ่งเด็กที่ป่วยไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคไอกรน หรือรับแล้วแต่ยังไม่ครบตามเกณท์ที่กำหนด อาการของโรคไอกรนในเด็กอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งขณะนี้พบผู้ป่วยแล้ว 487 ราย เสียชีวิต 7 ราย (ข้อมูลวันที่ 13 ส.ค. 66 - 22 ม.ค.67) เน้นย้ำ ผู้ปกครองต้องพาบุตรหลานที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี ไปรับวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ อายุ 2 เดือน, 4 เดือน, 6 เดือน, 1 ปีครึ่ง และฉีดเข็มกระตุ้นเมื่ออายุ 4 ปี สำหรับพื้นที่ที่มีการระบาดของ โรคไอกรนอยู่ในขณะนี้ คือ จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ควรฉีดวัคซีนให้ครบ 3 เข็ม โดยเข็มแรกสามารถรับวัคซีนได้ตั้งแต่ อายุ 6 สัปดาห์ เข็มสอง และเข็มสาม ห่างกัน 4 สัปดาห์ สำหรับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ควรไปรับวัคซีนไอกรน ตั้งแต่อายุครรภ์ที่ 16 สัปดาห์ขึ้นไป
นายแพทย์เฉลิมพล กล่าวว่า สคร.12 สงขลา เน้นย้ำ พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ "DMH" ได้แก่ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือ ป้องกัน โรคโควิด 19 โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไอกรน พร้อมทั้งมาตรการ "3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค" ป้องกันโรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประเด็นโรคและภัยสุขภาพ สามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422