คาดการใช้งาน GenAI มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้
PwC ประเทศไทย แนะผู้ประกอบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเอไออย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มศักยภาพให้แก่ธุรกิจ พร้อมคาดจะมีการนำ GenAI มาใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้นในปีนี้หลังเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานภายในองค์กร การสร้างรายได้ และการแสวงหาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ
นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจบริการทางการเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และหัวหน้าสายงานธุรกิจที่ปรึกษา PwC ประเทศไทย กล่าวว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (Generative AI: GenAI) จะถูกนำมาใช้งานในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 หลังองค์กรหลายแห่งมีการนำ GenAI มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาบุคลากรและปรับปรุงคุณภาพของข้อมูล
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เผยผลการศึกษาความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีเอไอขององค์กรภาครัฐและเอกชนไทยพบว่า 15.2% มีการนำเอไอมาใช้งานแล้วในองค์กร ขณะที่ 56.65% มีแผนที่จะนำมาใช้ในอนาคต และ 28.15% ยังไม่มีแผนที่จะใช้เอไอ
"การใช้งาน GenAI ในไทยจะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ เพราะตอนนี้หลายองค์กรเริ่มมีการใช้งานเป็น use cases เล็ก ๆ โดยเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเพื่อทดลองทำความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนาคน และปรับปรุงคุณภาพของข้อมูลไปพร้อม ๆ กันด้วย" นางสาว วิไลพร กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากบทความ '2024 AI Business Predictions' ของ PwC ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า 73% ของบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้นำเอไอไปใช้กับธุรกิจในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแล้ว และหนึ่งปีหลังจากที่ ChatGPT เข้าสู่ตลาดบริษัทมากกว่าครึ่งที่ถูกสำรวจ (54%) ได้นำ GenAI ไปใช้กับธุรกิจบางส่วนของตน
"GenAI ถือเป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้ได้ในทุกอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่เริ่มใช้กับงาน back office เช่น ไฟแนนซ์ เอชอาร์ งานวิจัย การจัดทำรายงาน และอื่น ๆ รวมไปถึงงานที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่าง chatbot การค้นหาข้อมูล เปรียบเทียบข้อมูลสินค้า หรือให้คำแนะนำในการเลือกสินค้าที่เหมาะสม" นางสาว วิไลพร กล่าว
ควบคุมความเสี่ยงด้วยกรอบ 'Responsible AI'
อย่างไรก็ดี แม้ GenAI จะได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจไทย นางสาว วิไลพร กล่าวว่าผู้บริหารควรต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เอไอเพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภค รวมถึงควรประเมินประสิทธิภาพและผลลัพธ์จากการใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยควรแบ่งความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ GenAI ออกเป็น 4 ประการ ดังนี้
"ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ทุกธุรกิจจะต้องมีกรอบการใช้งานเอไออย่างมีจรรยาบรรณและมีสำนึกรับผิดชอบ โดย framework นี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนเริ่มจากการควบคุมการวางแผน ออกแบบ จัดหา หรือพัฒนาโมเดลเอไอ เพื่อเลือกข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสม ตามด้วยการตรวจสอบโมเดลเพื่อกำหนดเกณฑ์ในการประเมินความเสี่ยงจากโมเดลเอไอ และสุดท้าย การจัดการโมเดลเอไอเพื่อนำเสนอผลจากการวิเคราะห์ก่อนใช้" เธอ กล่าว
ทั้งนี้ การกำหนดแนวปฏิบัติในการหาอคติจากข้อมูล การฝึกอบรมทีมงานให้จัดการกับรูปแบบการเรียนรู้ของเครื่องจักรและข้อมูลที่อาจมีอคติ หรือการใส่ข้อมูลที่มีอคติโดยมนุษย์ และการกำหนดเกณฑ์เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น จะช่วยป้องกันความเข้าใจผิด ความยากในการตีความ ภัยคุกความทางไซเบอร์ และความเป็นส่วนตัวได้
"การกำกับการใช้งานเอไอที่มีความยุติธรรม ถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือ และมีการป้องกันความเป็นส่วนตัวจะช่วยดึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ออกมาเสริมการทำงานที่มีมนุษย์เป็นผู้นำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กรได้" นางสาว วิไลพร กล่าว
นอกจากนี้ บทความของ PwC ฉบับดังกล่าว ยังได้คาดการณ์ 6 แนวโน้มของเอไอในธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 ไว้ ดังต่อไปนี้
"GenAI ที่ได้รับการฝึกฝนล่วงหน้าและปรับให้เข้ากับความต้องการของธุรกิจจะช่วยให้พนักงานสามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการค้นหาข้อมูล สรุปเอกสาร หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งนำไปสู่การสนับสนุนการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ โดยอาศัยข้อมูลที่มีความพร้อมและครบถ้วน นอกเหนือไปจากการลดต้นทุนและย่นระยะเวลาในการทำงานให้สั้นลง" นางสาว วิไลพร กล่าว