ทรูประกาศผลประกอบการ ประจำไตรมาส 2 ปี 2548

ข่าวทั่วไป Monday August 15, 2005 11:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--ทรู คอร์ปอเรชั่น
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปี 2548 โดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะ ผู้บริหาร กล่าวว่า “ผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการลดลงของรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่จาก ทีเอ ออเร้นจ์ ซึ่งคาดว่าจะยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4 เนื่องจาก โปรโมชั่นราคาต่ำ ยังคงมีผลถึงสิ้นปี อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่า ทีเอ ออเร้นจ์ จะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาส 1 ปี 2549 ซึ่งล่าช้ากว่าคาดการณ์เดิม 1 ไตรมาส
นายศุภชัย กล่าวว่า ผลประกอบการที่ลดลงของบริษัทมาจากหลายปัจจัย รวมทั้งการขาดแคลนเลขหมายในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ตลอดจนสัญญาณโทรศัพท์ระหว่างโครงข่ายมีปัญหาติดขัดจากความหนาแน่น นอกจากนั้น ภาวะตลาดโดยรวมของโทรศัพท์เคลื่อนที่ชะลอตัวลง โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง
รายได้จากการให้บริการโดยรวมของทรูสำหรับไตรมาสนี้ลดลงจากไตรมาส 1 ในอัตราร้อยละ 5.9 เป็น 10.3 พันล้านบาท โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ลดลงในอัตราร้อยละ 14.2 จากไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 23 เป็น 3.8 พันล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันปี 2547 (จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของทีเอ ออเร้นจ์ เต็มจำนวน นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2547 เป็นต้นมา) โดยทรูมีขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาสนี้ จำนวน 964 ล้านบาท รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
ธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจาก ทีเอ ออเร้นจ์ มีรายได้และ EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 6.1 พันล้านบาท และ 2.8 พันล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ในอัตราร้อยละ 2.7 และ 1 ตามลำดับ นอกจากนี้ ธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐานซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท มีกำไรจากผลการดำเนินงานปกติติดต่อกัน 7 ไตรมาส
รายได้จากการให้บริการของ ทีเอ ออเร้นจ์ ลดลงในอัตราร้อยละ 10.9 ในไตรมาส 2 เป็น 4.8 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 320 จากไตรมาส 2 ปี 2547 ทั้งนี้ ทีเอ ออเร้นจ์มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรก จำนวน 682,782 ราย หรือเพิ่มขึ้นในสัดส่วนร้อยละ 20 เป็น 4.06 ล้านราย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.8 เป็นร้อยละ 14.4 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 ปี 2548 ทีเอ ออเร้นจ์ มีส่วนแบ่งตลาดของจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสุทธิ เป็นร้อยละ 19 (คิดเป็น 144,984 ราย) ซึ่งลดลงจากร้อยละ 45 (คิดเป็น 537,798 ราย) ในไตรมาส 1 แต่ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาด สำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2548 ที่ระดับร้อยละ 35 ซึ่งเป็นไปตามแผนงานของบริษัท
"ทีเอ ออเร้นจ์ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ยังมีช่องว่างทางการตลาดสำหรับ บริการที่ดีและคุ้มค่า สำหรับผู้บริโภค ในช่วงครึ่งปีหลัง เรายังคงคาดว่า ทีเอ ออเร้นจ์ จะสามารถครองส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ และจะบรรลุเป้าหมาย จำนวนผู้ใช้บริการ 4.2 ล้านราย เร็วกว่าที่คาดไว้เดิม ณ สิ้นปี ในขณะที่ ผลการดำเนินงานของทีเอ ออเร้นจ์ จะปรับตัวดีขึ้น ในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 เนื่องจากปริมาณการใช้งานของลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขยายโครงข่ายของบริษัทและปัญหาการติดขัดของสัญญาณระหว่างโครงข่าย มีแนวโน้มลดลง นอกจากนั้นบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากบริการด้าน Non Voice มากขึ้น” นายศุภชัย กล่าว
รายได้จากบริการบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไป (บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2548 มีจำนวน 911 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว จากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2547 โดยจำนวนลูกค้าสะสมเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 50 (80,207 ราย) เป็นจำนวนรวม 244,982 ราย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 ส่งผลให้ทรูมีส่วนแบ่งตลาดโดยรวมกว่าร้อยละ 80 สำหรับรายได้ในไตรมาส 2 จากบริการบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 7.6 จากไตรมาสที่แล้ว เป็น 472 ล้านบาท โดยจำนวนผู้ใช้บริการยังคงเพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ (36,394 ราย) โดยเฉพาะในช่วงปลายไตรมาส
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้จากบริการบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไป ช่วยชดเชยการลดลงของรายได้จากบริการโทรศัพท์พื้นฐาน (ซึ่งลดลงในอัตราร้อยละ 2.7 จากไตรมาสก่อน เป็น 3.7 พันล้านบาท) นอกจากนั้นการผสานบริการไปด้วยกัน (Product bundling) ระหว่าง บริการบรอดแบนด์ บริการอินเทอร์เน็ต และบริการโทรศัพท์พื้นฐานของทรู ทำให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์พื้นฐานเพิ่มขึ้น จำนวน 51,366 ราย ในไตรมาสนี้ (ในขณะที่มีผู้ใช้บริการลดลงในไตรมาสที่แล้ว)
ความสำเร็จของโปรแกรมส่งเสริมการขาย ค่าโทร 3 บาทต่อครั้ง ช่วยให้ธุรกิจ วีพีซีที ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 50 จากไตรมาส 1 ปี 2548 เป็น 770 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการขายเครื่องพีซีที ในขณะที่รายได้จากค่าบริการ เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 12.1
นายวิลเลี่ยม แฮริส หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (CFO) กล่าวเสริมว่า “ทรูได้ดำเนินการลดหนี้สินลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้ชำระคืนหนี้รวมกว่า 1.8 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรก (รวมกำไรจากการชำระคืนตั๋วเงินจ่าย) ทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA (รวมทีเอ ออเร้นจ์) ลดลงเป็น 4.6 เท่า ในไตรมาสนี้ จาก 6.0 เท่า ณ ปลายปี 2547”
“ณ สิ้นไตรมาส 2 ทรูมีเงินสดคงเหลือ และเงินลงทุนระยะสั้น รวมจำนวน 9.2 พันล้านบาท รวมเงินสดจาก ทีเอ ออเร้นจ์ จำนวน 5.0 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่า ทีเอ ออเร้นจ์จะมีเงินสดเพียงพอสำหรับรายจ่ายลงทุนในการขยายโครงข่ายของ ทีเอ ออเร้นจ์ ในครึ่งปีหลัง” นายแฮริสกล่าวในที่สุด--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ