บล.เคจีไอ ผู้ออก DW อันดับ 1 ในประเทศไทย โดยมี Market Share DW ในหุ้นไทยอันดับ 1 ที่ 48% ในปี 2023 ลุยตลาด "DR" เพิ่มทางเลือกนักลงทุนที่ต้องการลงทุนต่างประเทศ ล่าสุดออก 3 หลักทรัพย์เข้าเทรดคือ "JAPAN13" - "HK13" - "HKTECH13" อ้างอิงกองทุน ETF ที่ลงทุนในหุ้นชั้นนำขนาดใหญ่ของ ญี่ปุ่น-จีน-ฮ่องกง
นายเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทออก "Depositary Receipt" หรือ "DR" มาพร้อมกันถึง 3 หลักทรัพย์ เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจ DW และเพิ่มทางเลือกการลงทุนในต่างประเทศให้กับนักลงทุนไทย เนื่องจากการเปลี่ยนแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอเมริกาจากที่เป็นขาขึ้นในปี 2023 เป็นแนวโน้มคงที่หรือปรับตัวลง ทำให้มีโอกาสที่จะมีการเคลื่อนไหวของเงินลงทุนทั่วโลกในตลาดหุ้นขนาดใหญ่มากขึ้น
และในปี 2023 ที่ผ่านมา เราเห็นดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกเคลื่อนตัวแยกกันอย่างชัดเจน ได้แก่ ดัชนี Nikkei225 +30% ขณะที่ดัชนี Hang Seng Index -18%, ดัชนี Hang Seng TECH Index ลง -15% ดังนั้นความต้องการการลงทุนของนักลงทุนในปีนี้จึงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ยังสนใจตลาดหุ้นที่ร้อนแรงในปี 2023 คือตลาดหุ้นญี่ปุ่น กับอีกกลุ่มที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีนหลังราคาหุ้นปรับลงมาแรงต่อเนื่อง 3 ปี จึงเป็นที่มาของการเลือกออก DR ทั้ง 3 ตัว ได้แก่ JAPAN13, HK13 และ HKTECH13 ที่ลงทุนในกอง ETF ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดหุ้นฮ่องกง การรุกธุรกิจ DR ที่อ้างอิงกับเศรษฐกิจฮ่องกงและจีนและตลาดหุ้นญี่ปุ่น ควบคู่ไปกับการออก DW ในประเทศไทย จึงเป็นกลยุทธ์หลักในปีนี้
"DR" เป็นตราสารการเงินที่เป็นตัวกลางการลงทุนให้นักลงทุนสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ผ่านการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากที่ปกติการลงทุนในต่างประเทศโดยตรงจะทำได้ยาก ต้องเปิดบัญชีหุ้นที่ต่างประเทศ และต้องเสียภาษีบนกำไรที่นำกลับเข้ามาด้วย ทั้งนี้ DR มีราคา Bid-Offer ที่อ้างอิงกับราคาหุ้นต่างประเทศที่แปลงมาเป็นสกุลเงินไทยบาท นักลงทุนจึงใช้บัญชีซื้อขายหุ้นปกติลงทุนใน DR ได้เลย โดย DR ไม่มีวันหมดอายุ จึงเหมาะกับการลงทุนระยะยาว แตกต่างจาก DW ที่มีอายุจำกัด และอัตราทดสูง จึงเหมาะกับการเก็งกำไรในระยะสั้นมากกว่า
สำหรับ "DR" ทั้งสามตัวที่ออกมาล่าสุดประกอบด้วย
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.thaiwarrant.com/