"ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์" นั่งเก้าอี้อธิการบดี ม.กรุงเทพ คนล่าสุด ประกาศจุดยืนนำมหาวิทยาลัยเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ผลักดันศักยภาพมหาวิทยาลัยสู่การเป็นผู้นำในโลกการศึกษา เน้นให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนอย่างคล่องตัวกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์เพื่อปั้นโซลูชั่นใหม่ ๆ แบบไร้ขีดจำกัด
นายภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อย่างเป็นทางการภายหลังร่วมงานกับมหาวิทยาลัยมาเป็นเวลากว่าห้าปี ขณะนี้พร้อมแล้วที่จะนำพามหาวิทยาลัยก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเรียนการสอน โดยยังคงชูเรื่องความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเป็น DNA ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มาใช้เป็นรากฐานในการบริหารจัดการ การแก้ไขปัญหา และการออกแบบเชิงโครงสร้างต่าง ๆ ในทุกมิติ เพื่อค้นหาวิธีการใหม่ ๆ ที่ดีและเหมาะสมที่สุด โดยจะนำจุดเด่นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ผสมผสานเข้ากับกลยุทธ์การสร้างความยืดหยุ่นปรับตัวให้ไวเพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ ๆ ผลักดันให้ม.กรุงเทพก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำในโลกการศึกษา
ขณะเดียวกันยังคงให้ความสำคัญกับพันธกิจสำคัญของมหาวิทยาลัย คือ การสานต่อมหาวิทยาลัยกรุงเทพให้เป็นสถาบันการศึกษาที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์อย่างมีคุณภาพ เป็นผู้นำในการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภูมิภาคและมีความยั่งยืน พร้อมทั้งผลิตบัณฑิตที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กรและสังคมเศรษฐกิจยุคใหม่ตามวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยที่วางไว้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยการศึกษาสร้างสรรค์ มีคุณภาพและเป็นผู้นำ
นายภูรัตน์เปิดเผยวิสัยทัศน์ในฐานะอธิการบดีคนใหม่ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพว่า "ระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก้าวขึ้นสู่สถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น Creative University แห่งแรกและเพียงแห่งเดียวของประเทศ ด้วยคุณภาพ มาตรฐาน และศักยภาพโดดเด่น ภายใต้จุดแข็งของแนวความคิดการจุดประกายการสร้างสรรค์บวกจิตวิญญาณนักธุรกิจ หรือ Creative+Entrepreneur จึงทำให้บัณฑิตของเรามีความแตกต่างจากมหาวิทยาลัยแห่งอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ ม.กรุงเทพ ที่ได้นำวิสัยทัศน์การบริหารงานด้วยแนวคิด 'Think big. Make a difference. Create a limitless future.' มาใช้เพื่อมีส่วนผลักดันให้ม.กรุงเทพก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำในโลกการศึกษา"
"เราพร้อมมุ่งมั่นพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในโลกการศึกษา ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน ดังนั้นเราจึงยังคงให้ความสำคัญในความร่วมมือกับภาคธุรกิจและเอกชนชั้นนำมากมายทั้งในและต่างประเทศ เช่นที่ผ่านมาได้มีความร่วมมือกับเบิร์กลีย์ สกายเดก ฟันด์ หนึ่งในองค์กรให้คำปรึกษาและแหล่งเงินทุนกับสตาร์ทอัพซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งโดย University of California, Berkeley เปิดโอกาสให้นักศึกษาเสนอแผนธุรกิจต่อคณะกรรมการที่มีประสบการณ์ในการปลุกปั้นสตาร์ทอัพให้ประสบความสำเร็จมาแล้ว ซึ่งเป็นตัวอย่างอย่างเป็นรูปธรรมของการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ร่วมสมัย เหมาะสมและตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เข้าร่วมโครงการฝึกงานสหกิจกับองค์กรชั้นนำ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานแบบมืออาชีพ และเตรียมความพร้อมก่อนก้าวสู่โลกการทำงาน หรือการเป็นเจ้าของธุรกิจในอนาคต" นายภูรัตน์กล่าว
โดยตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี นับตั้งแต่มหาวิทยาลัยได้ก่อตั้งเมื่อปี 2505 มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพตอบสนองภาครัฐและเอกชนของไทยตลอดจนองค์กรระดับนานาชาติจำนวนมาก โดยมหาวิทยาลัยได้ให้ความสำคัญกับการออกแบบการเรียนการสอนด้วยหลักสูตรที่พร้อมตอบโจทย์อนาคตที่เปลี่ยนไป พร้อมทั้งยังจัดสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยที่มีนวัตกรรมและส่งเสริมศักยภาพของนักศึกษา ทั้งอาคารเรียนที่ตอบโจทย์การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ศูนย์การเรียนรู้ควบคู่กับห้องปฏิบัติการและอุปกรณ์ที่ครบครันและทันสมัย เพื่อสร้างความพร้อมและเสริมทักษะการเรียนรู้ของนักศึกษาอย่างไร้ขีดจำกัด
พร้อมกันนี้ยังได้นำ Technology เข้ามาผสมผสานในการเรียนการสอน เช่นโครงการอบรมวิชาชีพ 'พัฒนายกระดับกำลังคนทักษะสูงด้าน VFX สำหรับอุตสาหกรรมเกมและอนิเมชันระดับสากล' ภายใต้ความร่วมมือกับสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ Virtual Production & Immersive Technology Upskill Workshops สาขาวิชาภาพยนตร์ คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์และโครงการเด็กชอบโชว์ 'เกม' ของคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้ยุค Generative AI ในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์ของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากการได้เข้ามาบริหารมหาวิทยาลัยกรุงเทพกว่าห้าปี โดยสายงานหลักเกี่ยวกับการพัฒนากลยุทธ์และงานด้านพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) ของมหาวิทยาลัย นายภูรัตน์ อธิการบดีคนปัจจุบันยังมีประสบการณ์ในวงการธุรกิจและการบริหารมากมาย อาทิ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทลงทุนบริหารทรัพย์สินครอบครัวโอสถานุเคราะห์ มีบทบาทสำคัญในการสร้างทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การลงทุน และวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) เป็นหนึ่งในคณะทำงานในการนำบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาของบริษัท บริษัท ไนน์ เบซิล กรุ๊ป (9 Basil Group) บริษัทเอกชนร่วมทุนระหว่างไทย-สิงคโปร์ด้านการลงทุนส่วนบุคคลชั้นนำ (Private Equity) โดยเครือได้ดำเนินการเข้าซื้อกิจการเงินติดล้อจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้งนายภูรัตน์ยังมีแพชชั่นในวงการศิลปะซึ่งเร็ว ๆ นี้นายภูรัตน์ตั้งใจจะเปิดตัว DIB Bangkok พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ริเริ่มโดยนายเพชร โอสถานุเคราะห์ ผู้เป็นบิดา ปัจจุบันนายภูรัตน์ดำรงตำแหน่งประธานพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้และมีความมุ่งมั่นจะสร้างสรรค์ศักยภาพของดิบ บางกอก ให้ทัดเทียมกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลก นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด
ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่นายภูรัตน์เข้าร่วมบริหารมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้มีส่วนริเริ่มโครงการที่จะสร้างศักยภาพ ความยั่งยืน ประสบการณ์ และบรรยากาศที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในมหาวิทยาลัยมากมาย อาทิ โครงการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการดูบีดู ที่พักอาศัยของนักศึกษาที่ทันสมัยในพื้นที่วิทยาเขตรังสิต ร่วมพัฒนาหลักสูตรปริญญาโทออนไลน์ ซึ่งจะเปิดรับสมัครนักศึกษาเร็ว ๆ นี้ ตลอดระยะเวลาการบริหารงานที่ผ่านมา ทำให้แนวความคิดการบริหารสถาบันการศึกษาตกผลึก จนสร้างความมั่นใจในฐานะผู้นำที่น่าจับตามอง และพร้อมนำพามหาวิทยาลัยกรุงเทพก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยและอาเซียนได้อย่างแน่นอน