สปสช. - สสจ.สิงห์บุรี จัดประชุมชี้แจงรุกขยาย "โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว" ดึงหน่วยบริการและสถานพยาบาลเอกชนใน จ.สิงห์บุรีร่วมให้บริการ และลงพื้นที่หน่วยบริการนวัตกรรมร่วมโครงการฯ ทั้งคลินิกแพทย์แผนไทย "เมอรี่เพียวหมอสมุนไพรสหคลินิก" และ "ร้านยา เจ.พี. ฟาร์มาซี" 1 มี.ค. นี้พร้อมให้บริการ
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี ได้จัดประชุมการชี้แจงแนวทางการดำเนินงาน "โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว" ให้กับหน่วยบริการและสถานพยาบาลเอกชนภายในจังหวัดสิงห์บุรี หนึ่งใน 8 จังหวัดที่จะมีการขยายการดำเนินการโครงการฯ ซึ่งจะเริ่มให้บริการในวันที่ 1 มีนาคม 2567 นี้ ตามนโยบาย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นำทีมผู้บริหารส่วนกลาง และ นพ.โชคชัย สาครพานิช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี(สสจ.สิงห์บุรี) นพ.สาธิต ทิมขำ ผอ.สปสช. เขต 4 สระบุรี พร้อมด้วย ตัวผู้แทนจากสภาวิชาชีพทางการแพทย์ที่ร่วมให้บริการ ประกอบด้วย แพทยสภา สภาการพยาบาล ทันตแพทยสภา สภาเภสัชกรรม สภากายภาพบำบัด สภาเทคนิคการแพทย์ และสภาการแพทย์แผนไทย ร่วมชี้แจงและให้ข้อมูลการดำเนินการ โดยมีผู้ประกอบการหน่วยบริการและสถานพยาบาลเอกชนในจังหวัดเข้าร่วม และสมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในโครงการฯ ณ ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี
นพ.จเด็จ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้มีวัตถุประสงค์นอกจากเป็นการชี้แจงหลักเกณฑ์และแนวทางการให้บริการภายใต้โครงการฯ ของทาง สปสช. แล้ว ยังมุ่งสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการหน่วยบริการและวิชาชีพที่เข้าร่วมว่า ไม่ว่าจะเป็นหน่วยบริการภาครัฐหรือเอกชน ทุกภาคส่วนคือองคาพยพที่ต้องทำงานร่วมกัน ในการดูแลประชาชนภายใต้สิทธิประโยชน์ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท โดยต้องมีการเชื่อมต่อทั้งด้านข้อมูล การบริการและการส่งต่อผู้ป่วยแบบไร้รอยต่อ พร้อมกับการเตรียมความพร้อมต่างๆ เพื่อให้ในวันที่ 1 มีนาคม นี้ ประชาชนที่ใช้สิทธิบัตรทองฯ สามารถเข้ารับบริการ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวที่หน่วยบริการนวัตกรรมในระบบได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังได้ให้ความมั่นใจในระบบการเบิกจ่ายที่รวดเร็วของ สปสช.
สำหรับปัจจุบันที่ จ.สิงห์บุรี นี้ มีหน่วยบริการนวัตกรรมที่เข้าร่วมโครงการ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวแล้วจำนวน 12 แห่ง แบ่งเป็น ร้านยา 10 แห่ง คลินิกทันตกรรม 1 แห่ง และคลินิกแพทย์แผนไทย 1 แห่ง ซึ่งจากการประชุมในวันนี้จะมีหน่วยบริการที่เข้าร่วมเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้มาจากความร่วมมือ สปสช. และ สสจ.สิงห์บุรี ที่ร่วมกันขับเคลื่อน จาก สสจ.สิงห์บุรี
สำหรับปัจจุบันที่ จ.สิงห์บุรี นี้ มีหน่วยบริการนวัตกรรมที่เข้าร่วมโครงการ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวแล้วจำนวน 12 แห่ง แบ่งเป็น ร้านยา 10 แห่ง คลินิกทันตกรรม 1 แห่ง และคลินิกแพทย์แผนไทย 1 แห่ง ซึ่งจากการประชุมในวันนี้จะมีหน่วยบริการที่เข้าร่วมเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้มาจากความร่วมมือ สปสช. และ สสจ.สิงห์บุรี ที่ร่วมกันขับเคลื่อน จาก สสจ.สิงห์บุรี
นพ.จเด็จ กล่าวว่า หลังจากการประชุมชี้แจงฯ แล้ว ทางคณะฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมความพร้อมของหน่วยบริการที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ที่คลินิกแพทย์แผนไทย เมอรี่เพียวหมอสมุนไพรสหคลินิก (การแพทย์แผนไทยประยุกต์) อ.เมือง จ.สิงห์บุรี โดยพบว่ามีความพร้อมที่จะให้บริการประชาชน ไม่ว่าจะเป็นอาคารสถานที่ ซึ่งกว้างขวางและสะอาด มีประเภทบริการที่เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทอง ที่จะให้บริการผู้ป่วยได้ อาทิ บริการนวด บริการอบประคบหลังคลอด รวมถึงการใช้ยาสมุนไพร ที่เป็นไปตามบัญชียาหลักแห่งชาติ อย่างไรก็ดีเพื่อให้คลินิกแพทย์แผนไทยสามารถดูแลประชาชนสิทธิบัตรทองฯ ได้เต็มที่ สปสช. คงต้องมีการทบทวนและปรับปรุง เช่น เพิ่มรายการยาแผนไทยในการเบิกจ่ายให้มีมากขึ้น รวมถึงประเภทของบริการ โดยเชื่อว่าในอนาคตคลินิกแพทย์แผนไทยจะเป็นทางเลือกของประชาชนและช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลได้ เช่นเดียวกับบริการที่ร้านยา
นอกจากนี้ในวันนี้คณะฯ ยังได้ตรวจความพร้อมที่ ร้านยา เจ.พี. ฟาร์มาซี อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ร้านยาแห่งนี้ ได้เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการส่งต่อเฉพาะด้านเภสัชกรรมในระบบบัตรทองฯ มาตั้งแต่เดือน ม.ค. 2566 ให้บริการดูแลประชาชนสิทธิบัตรทองมาอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงการร้านยาบริการดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการ เฉลี่ยมีประชาชนมารับบริการ 60 คน/วัน และวันนี้ยังได้สมัครเข้าร่วม "โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว" ด้วย ซึ่งจะยิ่งเพิ่มการเข้าถึงการรักษาให้กับประชาชนในระแวกนี้ และเท่าที่ดูถือว่ามีความพร้อมที่จะให้บริการในวันที่ 1 มีนาคม นี้ได้ นอกจากนี้ยังระบบควบคุมอุณหภูมิในร้านและตู้เก็บยาที่ควบคุมความชื้น ทำให้ยาที่ประชาชนได้รับมีคุณภาพตามมาตรฐานด้านเภสัชกรรม ปัจจุบันมีประชาชนเข้ารับบริการเฉลี่ย 60 คน/วัน