บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT รายงานผลการดำเนินธุรกิจประจำไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 329.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.82 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 และมีรายได้จากการให้บริการปี 2566 จำนวน 1,232.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.21 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 30.1 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีจำนวนรถยนต์มือสองเข้าสู่ตลาดประมูลจำนวนมากและมีปริมาณขายเพิ่มขึ้น เผยแนวโน้มธุรกิจปี 2567 ยังมีปัจจัยสนับสนุนปริมาณรถยนต์เข้าสู่การประมูลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายวรัญญู ศิลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ (AUCT) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 329.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.82 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 โดยมีรายได้จากการประมูลในไตรมาส 4 ปี 2566 เท่ากับ 272.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 31.78 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.2 ของรายได้จากการให้บริการ เนื่องจากปริมาณรถเข้าสู่ลานประมูลและปริมาณรถจบประมูลเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้ค่าขนย้ายและบริการเสริมในไตรมาส 4 ปี 2566 เท่ากับ 56.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.04 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 21.6 ของรายได้จากการให้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากรายได้ค่าขนย้ายทั้งก่อนการขายและหลังการขายตามปริมาณรถจบประมูลที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการปี 2566 เท่ากับ 1,232.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.21 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 30.1 เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยมีรายได้จากการประมูลปี 2566 เท่ากับ 1,004.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 212.66 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 26.9 ของรายได้จากการให้บริการ และมีรายได้ค่าขนย้ายและบริการเสริมปี 2566 เท่ากับ 227.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 72.55 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 46.8 ด้วยเหตุผลเดียวกัน ส่งผลให้ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 347.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.68 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 38.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน
นายวรัญญู เปิดเผยเพิ่มเติมถึงแนวโน้มของธุรกิจว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมกราคม 2567 ปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนธันวาคม 2566 ส่วนหนึ่งเกิดจากภาคการท่องเที่ยวซึ่งขับเคลื่อนจากธุรกิจขนาดเล็กมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า แต่ภาพรวมยังคงอยู่ในช่วงที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 แม้ว่ายอดขายรถใหม่ในไตรมาส 4/2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2566 แต่เมื่อเทียบกับปี 2565 พบว่ายอดขายรถใหม่ลดลงร้อยละ 8.7 สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของสินเชื่อที่ชะลอตัวและความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ขณะเดียวกันหนี้ค้างชำระ Stage 2 จากสินเชื่อเช่าซื้อรถมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อรถยนต์ยังมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น สินเชื่อส่วนบุคคลยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และคุณภาพหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มด้อยลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนให้ปริมาณรถไหลเข้าสู่ธุรกิจประมูลมากขึ้น และคาดว่าจะยังคงต่อเนื่องในปี 2567 ทั้งนี้ แผนของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นเพิ่มคู่ค้าทางธุรกิจทั้งสถาบันการเงินและที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน รวมถึงแผนการเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าและกระจายการประมูลสู่ภูมิภาคเพื่อหมุนเวียนสินค้าให้ขายได้รวดเร็วนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ส่งผลให้ทิศทางการบริหารจัดการประมูลยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย