กรุงเทพฯ--14 ก.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ประเภท สยองขวัญ
นักแสดง จูเลี่ยน แซนด์ (Timecode, Leaving Las Vegas), จอห์น แชเรียน
(The Fifth Element), เอลซ่า ปาตาก้า
ผู้กำกับ ปาโก้ พลาซ่า (Second Name)
อำนวยการสร้าง จูลิโอ เฟอร์นาเดซ (The Machinist)
กำหนดฉาย 28 ก.ค.48
จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
Romasanta : The Werewolf Hunt
เรื่องย่อ
ปี 1850 ที่เมืองอัลลาริซ ผู้คนหายไปในป่าอย่างลึกลับ จากสภาพศพที่ถูกกัดเหวอะหวะ ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าเข้าป่าและข่าวเรื่องมนุษย์หมาป่าก็แพร่กระจายออกไป บาบาร่าและน้องสาวชื่อโจเซฟีนอาศัยอยู่ในบ้านกลางป่า เธอรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีพ่อค้าเร่ร่อนนามมานูแอล โรมาซานต้าผ่านมา มานูแอลคือคนรักของโจเซฟีนที่บาบาร่าแอบชอบ วันหนึ่งมานูแอลไปส่งโจเซฟีนที่ในเมือง เมื่อกลับมาเขาก็ได้มีสัมพันธ์สวาทกับบาบาร่า แต่ต่อมาเธอก็สงสัยว่าน้องสาวไปไม่ถึงในเมือง ทำไมมานูแอลจึงเป็นคนเดียวที่กล้าเข้าไปในป่า? อะไรซ่อนอยู่ในรถม้าของเขา? และแล้วความสงสัยก็เป็นจริง มานูแอลคือมนุษย์หมาป่าที่ทุกคนกลัว ความสุขของบาบาร่ากลายเป็นความหวาดผวา รักแปรเป็นชิงชัง เธอต้องการแก้แค้น ไม่นานมานูแอลก็ถูกจับ เขาบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ โดยอ้างว่าถูกสาปให้เป็นมนุษย์หมาป่า ความเห็นของผู้คนแตกออกเป็นสองฝ่าย ชาวบ้านพากันหวาดกลัว ส่วนพวกชนชั้นสูง นำโดย ฟิลลิปส์ ศาสตราจารย์ด้านมานุษวิทยา เชื่อว่ามานูแอลเป็นโรคหลงละเมอว่าตนเองเป็นมนุษย์หมาป่า (licantropy) คำถามที่ต้องค้นหาคำตอบคือ โรมาซานต้าเป็นใครกันแน่? ฆาตกรเลือดเย็นหรือมนุษย์หมาป่า? มีเขาเท่านั้นที่รู้ความจริง
หนังสร้างจากชีวิตจริงของมานูแอล บลังโก้ โรมาซานต้า พ่อค้าเร่ร่อนที่สารภาพว่าได้ฆ่าชาวบ้าน 13 คนเพื่อนำไขมันในร่างกายไปทำสบู่ ปี 1852 ที่เมืองอัลลาริซ โรมาซานต้าถูกจับขึ้นศาล เขาแก้ต่างให้ตัวเองโดยอ้างว่าถูกสาปให้เป็นมนุษย์หมาป่าจนหลุดจากคดี บาบาร่าคือคนเดียวในบรรดาพี่น้อง 4 คนที่รอดชีวิต
สารจากผู้กำกับ ปาโก้ พลาซ่า : เรื่องสยองแบบกอธิค
คำกล่าวโบราณที่ว่า “เรื่องจริงบางครั้งก็แปลกกว่าเรื่องเล่า” ถูกพิสูจน์ว่าจริงก็คราวนี้ เมื่อผมได้อ่านต้นฉบับซึ่งเขียนโดย อัลเฟรโด้ กงเด้ และเอกสารทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ “มนุษย์หมาป่าแห่งอัลลาริซ” ผมได้พบกับตัวละครที่มีตัวตนจริงมากมายซึ่งดูจะไม่ได้มาจากจินตนาการเหลือเชื่อของนักเขียนเพี้ยนๆคนหนึ่ง ความกลัวจับใจ ความลึกลับ ความเซ็กซี่ และความรุนแรงผสมผสานกันเพื่อสร้างหนังน่าขนลุกเรื่องนี้ มานูแอล บลังโก้ โรมานต้าถูกดำเนินคดีในปี 1852 ข้อหาฆาตรกรรม 13 ศพ เขาสารภาพว่าทำจริงโดยอ้างว่าถูกสาปให้เป็นมนุษย์หมาป่าและยืนยันความบริสุทธ์ของตนเองด้วยความจริงที่พิสูจน์ไม่ได้นี้
โรมาซานต้าไม่มีการศึกษา เขาเรียนอ่านเขียนด้วยตนเอง แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่? หนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่รู้วิธีทำให้คนอื่นไว้ใจ เสือผู้หญิง ชายโรคจิต หนุ่มเจ้าสำราญที่ฉลาดเป็นกรด หรือศิลปินจิตป่วย? ดูเหมือนเขาจะเป็นทุกอย่างที่กล่าวมา โรมาซานต้าคือฆาตรกรเลือดเย็นที่คุยโวในการสอบสวนว่าตนเองมีคนรักเป็นพัน แต่ไม่ยอมรับว่าเขาเกลียดผู้หญิงพวกนั้นแค่ไหน ความดึงดูดทางเพศและพลังในการยั่วยวนคืออาวุธที่เขาใช้ในศาล เราตั้งใจให้ Romasanta เป็นจินตนาการที่ใกล้เคียงความจริง กาลิเชียจากศตวรรษที่ 19 คือสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับตำนานมนุษย์หมาป่า มันคือสถานที่ที่โรมาซานต้าเดินทางข้ามไปมา เป็นที่ซึ่งเขาฆ่าเหยื่อบริสุทธิ์และลอกเอาไขมันมาทำสบู่สุดหรูเพื่อนำมาวางแผงขาย เขาใช้ความเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่ามาแก้ต่างให้ตนเองในอาชญากรรมที่ก่อขึ้น ต่อมาการศึกษาทางมานุษวิทยาในสมัยนั้นได้ตัดสินการกระทำของโรมาซานต้าว่าเกิดจากโรคหลงละเมอว่าตัวเองเป็นหมาป่า (Lycanthropy)
การผสมผสานของตำนานและยุคสมัยก่อนวิทยาศาสตร์อุตสาหกรรม คือ องค์ประกอบสำคัญของหนัง งานภาพจะอิงบรรยากาศแบบกอธิคจากต้นฉบับมากกว่าความสมจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราต้องการสะท้อนภาพกาลิเชียในช่วงต้นปี 80 ว่าเป็นดินแดนลึกลับที่เหตุผลไม่ใช่ค่านิยมสำคัญ ป่าอันมืดทึบ ธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ และสังคมชนบทดั้งเดิมจะทำให้เราเข้าใจตัวตนของโรมาซานต้าที่ดูเหนือจริงมากขึ้น ไอเดียก็คือความเป็นแฟนตาซีที่แท้จริงคือสิ่งที่ทำให้หนังเป็นแฟนตาซี
ในเวลานั้น กรณีของโรมาซานต้าได้แบ่งความเห็นของคนในชุมชนเป็น 2 ฝ่าย ขณะที่ชาวบ้านมั่นใจว่าโรมาซานต้าผิดจริง ชนชั้นสูงที่ศรัทธาทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์กลับมองว่าเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าทึ่ง ราชินีอิซาเบลที่ 2 เองก็กลายเป็นเหยื่อสาวรายสุดท้ายที่หลงเสน่ห์โรมาซานต้า เธอแทรกแซงการดำเนินคดีโดยเข้ามาแก้คำพิพากษา
การเคารพเรื่องราวดั้งเดิมเป็นสิ่งสำคัญ แต่เราก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ความเคารพนั้นมาเป็นอุปสรรค ตรงกันข้าม เราต้องการให้มันมาช่วยเสริมให้ถึงเป้าหมาย นั่นคือ การสร้างหนังผจญภัยสุดเร่าร้อน เรื่องราวชวนขนลุกแบบโกธิคที่สุดเซ็กซี่
นักแสดง
จูเลี่ยน แซนด์
เกิดเมื่อเดือนมกราคม ปี 1958 ในรัฐอ๊อตลี่ย์ ประเทศอังกฤษ จูเลี่ยนมีผลงานการแสดงมากมายไม่ว่าจะเป็นแนวชีวิตหรือสยองขวัญ บริษัท NBC คือที่แรกที่ให้โอกาสแซนด์แสดงเป็นครั้งแรกในมินิซีรี่ย์เรื่อง The Sun Also Rise และต่อมาก็ A Married Man ที่เขาได้ประกบแอนโธนี ฮอปกินส์ ก่อนจะเริ่มต้นอาชีพนักแสดง จูเลี่ยน แซนด์เคยปรากฎตัวในบทเล็กๆของหนังอย่าง The Killing Fields และ The Doctor and The Devils and Oxford Blues ที่ตลกก็คือ บทโรแมนติคคอเมดี้ใน A Room With A View ของ เจมส์ ไอวอรี่ ต่างหากที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดง และการแสดงในหนังของ Ken Russell เรื่อง Gothic ร่วมกับแกเบรียล เบิร์นและนาตาชา ริชาร์ดสัน ก็เป็นที่ชื่นชอบของคนดู หลังจากนั้นเราก็ได้เห็นเขาในหนังอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Arachnophobia ประกบเจฟ แดเนียลส์ และ จอห์น กู้ดแมน หรือ Warlock ของ สตีฟ ไมเนอร์ และ บ๊อกซิ่ง เฮเลน่า ประกบ เชอริลีน เฟนน์ และ บิล แพ็กซ์ตัน
ผลงานการแสดงเรื่องอื่นๆที่เด่นของจูเลี่ยน แซนด์ คือ Vatel ในบทเป็นกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 ประกบ เจอราด์ เดปาร์ดิเยอ และ อูม่า เธอร์แมน, Leaving Las Vegas โดยผู้กำกับไมค์ ฟิกกิสที่เขาได้ร่วมงานด้วยในหนังเรื่องถัดมาอีกหลายเรื่อง คือ The Browning Version, One Night Stand, The Loss of Sensual Innocence และ Timecode
แซนด์ปรากฎตัวในหนังดีๆอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น The Million Dollar Hotel ของ วิม เวนเดอส์, Naked Lunch ของ เดวิด โครเนนเบิร์ก หรือ Lamerica ของ เกียนนี่ อาเมลิโอ นอกจากนี้เขายังเป็นดารารับเชิญให้กับซีรี่ย์ทางโทรทัศน์หลายเรื่อง รวมถึง Rose Red ที่เขียนบทโดยสตีเฟ่น คิง ด้วย
ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของจูเลี่ยน แซนด์ คือ The Remains of the Piano ที่เขาร่วมแสดงกับเจฟฟรีย์ รัช และ แองเจลลิกา ฮุสตัน
จอห์น แชเรียน
แชเรียนกำลังมีผลงานจ่อโรงเรื่อง The Machinist ฝีมือการกำกับของ แบรด แอนเดอร์สัน อำนวยการสร้างโดย จูลิโอ เฟอร์นาเดซ ซึ่งเขาร่วมแสดงกับคริสเตียน เบล และ เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ ผลงานเรื่องสำคัญของเขาคือ The Fifth Element หนังสุดฮิตแห่งปี 1997 ผลงานกำกับของลุค เบสซง นำแสดงโดย บรูซ วิลลิส และ แกรี่ โอลด์แมน แชเรียนยังให้เสียงพากษ์ตัวการ์ตูนใน Chicken Run แอนิเมชั่นที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ของ Animal Farm นิยายเรื่องดังของจอร์จ ออร์เวล ด้วย
ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่แชเรียนร่วมแสดงคือ Lost in Space ของผู้กำกับ สตีเฟ่น ฮอปกินส์ ที่เขาได้ร่วมแสดงกับแกรี่ โอลด์แมน และ วิลเลี่ยม เฮิร์ท, 24 Hours ของผู้กำกับอเล็กซานเดอร์ ฟินโบว และ Death Machine ของผู้กำกับ สตีเฟ่น นอร์ริงตัน
เอลซ่า ปาตากี้
เนื่องจากคุณตาของเธอเป็นนักแสดง เอลซ่าจึงมีความสามารถด้านการแสดงตั้งแต่เด็ก เอลซ่าเกิดในแมดริดเมื่อปี 1976 เธอเป็นลูกครั้งสเปน-โรมาเนีย เอลซ่าเริ่มต้นอาชีพนักแสดงจากละครเวทีเรื่อง El Maestro de Danzar ของ โลป เดอ เวก้า และ Romeo and Juliet ของเช็คสเปียร์
ผลงานทางโทรทัศน์เรื่องแรกของเอลซ่าคือ La vida en el aire โดยอิคนาซิโอ เมอเซโร แต่เธอมาดังจากซีรี่ย์วัยรุ่นเรื่อง Al salir de clase ที่ทำให้นักแสดงวัยใสหลายคนเกิดในวงการบันเทิงและเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ชมและนักวิจารณ์ ผลงานางโทรทัศน์อ่นๆของเอลซ่าคือ Tio Willy, The Queen of Swords ผลงานร่วมสร้างของสเปนกับแคนาดา และ Noe y Compania
เอลซ่า ปาตากี้ ปรากฎตัวทางจอเงินเป็นครั้งแรกใน Tatawoo ของโจ โซล ตามมาด้วย El arte de morir (The Art of Dying) ของอัลวาโร เฟอร์นาเดซ อาร์เมโร, Menos es mas (Less is More) ของปาสคาล จอนเก็น, Noche De reyes (Twelfth Night) ของมิเกล บาร์เด็ม, Peor imposible ของโจเซ่ เซมพรูน และ เดวิด บลังโก และ Atraco a las 3…y media ของ ราอูล มาร์ชอง เวอร์ชั่นหนึ่งของภาพยนตร์อันยิ่งใหญ่ของ โจเซ่ มาเรีย ฟอร์เก้ เมื่อเร็วๆนี้เอลซ่าได้ทำงานกับ Filmax ในหนังเรื่อง Beyond Reanimation ของ ไบรอัน ยุซน่า และ Tricky Truck ของ เบนิโต ราบาล--จบ--