CCP เผยผลประกอบการงวดปี 2566 กวาดรายได้รวม 3,004 ล้านบาท กำไรสุทธิ 156.32 ล้านบาท โต 290 % เตรียมจ่ายปันผลหุ้นละ 0.01 บาท ส่งสัญญาณไตรมาส 1/67 โตต่อ นโยบายเปิดประเทศ การเดินทางเข้าของนักท่องเที่ยว ขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐ EEC หนุนให้เกิดการก่อสร้างโรงงาน นิคมอุตสาหกรรม การลงทุนก่อสร้างภาคเอกชนขยายตัวตาม ลุยประมูลงานเพิ่ม ดัน Backlog แน่นไม่ต่ำกว่า 1,650 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 3,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,529 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.78 % และมีกำไรสุทธิ 156.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40.06 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 290 %
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยบวกจากงานโครงการภาครัฐที่เร่งก่อสร้างหลังหมดช่วงฤดูฝน เพื่อให้ส่งมอบงานได้ทันตามกำหนดเวลา
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลประจำปี 2566 แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.01บาท คิดเป็น 66% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ คิดเป็นจำนวนเงินปันผล 27.68 ล้านบาท ทั้งนี้ รอมติการอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผู้ถือหุ้นในช่วงเดือนเมษายนอีกครั้ง
สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 1/67 ส่งสัญญาณดี นโยบายการลงทุนโครงการต่างๆ ทั้งจากภาครัฐมีทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึง งานภาคเอกชนเร่งก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก รวมถึงการ Renovate พื้นที่ค้าปลีก โรงแรม เพื่อรองรับการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้ง โครงการที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อาทิ การก่อสร้างโรงงาน นิคมอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ โครงการที่อยู่อาศัยมีการขยายตัวตาม ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ Precast คอนกรีตสำเร็จรูปนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา รวมถึงให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ ท่อ บ่อพัก รางระบายน้ำ เพื่อรองรับงานก่อสร้างที่หลากหลาย โดยการร่วมพัฒนานวัตกรรมและฟังก์ชันการใช้งานตามความต้องการของลูกค้า พร้อมเดินหน้าประมูลงานจากทั่วประเทศเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,650 ล้านบาท ผลักดันรายได้ สร้างการเติบโตต่อเนื่อง" นายอาทิตย์กล่าว