กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--ธ.กสิกรไทย
กสิกรไทยวาดแผนบริการลูกค้ารายใหญ่ปี 48 ยังสดใส ตั้งเป้าสินเชื่อเป็น 2.16 แสนล้านบาทเพิ่ม 9%พร้อมสร้างรายได้รวมพุ่งพรวด 29% ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท มุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ขยายตัวและมีความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี และพร้อมสนับสนุนลูกค้าตลอด Supply Chain ของธุรกิจ
คุณบุญทักษ์ หวังเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาทางสายงานบรรษัทธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย ได้มีการพัฒ นาผลิตภัณฑ์และบริการที่รองรับและครอบคลุมความต้องการของลูกค้าตามวัตถุประสงค์หลัก คือเป็นผู้นำเสนอ Financial Solution ตามความต้องการทางธุรกิจของลูกค้าผ่านผู้จัดการความสัมพันธ์ลูกค้า โ ดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่มีคุณค่ากับลูกค้าตามความต้องการทางธุรกิจ ได้แก่ 1. ความต้องการทางด้านเงินทุน (Funding) 2. ความต้องการในการบริหารความเสี่ยงจากการทำธุรกิจ (Risk Management) และ 3. ความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน (Processing efficiency) โดยเมื่อเปร ยบเทียบความต้องการของลูกค้าแล้วทางสายงานบรร ษัทธุรกิจมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อรองรับและครอบคลุมความต้องการของลูกค้า ด้วย 6 ผลิตภัณฑ์หลักของสายงานบรรษัทธุรกิจ คือ
บริการสินเชื่อเพื่อธุรกิจ (Corporate Credit) บริการด้านผลิตภัณฑ์วาณิชธนกิจ (Corporate Finance) บริการบริหารความเสี่ยงทางการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน (Treasury Risk Management) บริการจัดการด้านการเงิน (Cash Management) บริการเพื่อธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (International Trade ) บริการธุรกิจหลักทรัพย์ (Securities Service) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ผลประกอบการ เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้เพิ่มปริมาณธุรกิจเกินเป้าในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ เฉพาะยอดสินเชื่อเพื่อธุรกิจ มียอดรวมประมาณ 200,000 ล้านบาท โตขึ้นกว่า 25% จากที่ตั้งไว้เพียง 13 % และคาดว่าปี 2548
จะสามารถปล่อยสินเชื่อเพิ่มเป็น 216,000 ล้านบาท หรือประมาณ 8% โดย สายงานบรรษัทธุรกิจยังคงมุ่งเน้นลูกค้าในอุตสาหกรรมที่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และต้องการขยายกำลังการผลิต ซึ่งจะยังผลให้สายงานบรรษัทธุรกิจสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจได้มากขึ้นตามไปด้วย โดยเราจะเน้นให้ความสนับสนุนแก่ลูกค้าตลอด Supply Chain ของธุรกิจ เช่น วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคส์และปิโตรเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของสายงานบรรษัท ฯ มีกลยุทธ์ในการดำเนินงานโดยมุ่งส่งเสริมกลยุทธ์การดูแลลูกค้า พร้อมพัฒนาศักยภาพในการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้า รวมถึงกลยุทธ์ทางด้านราคาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด พร้อมกันนี้ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายฐานลูกค้า
นางบูรณีย์ อรุณไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า กลุ่ม ลูกค เอสเอ็มอีและกลุ่มบริษัทขนาดกลางเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตและทำรายได้ให้ธนาคารสูง โดยกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดกลางที่มียอดขายระหว่าง 50 — 400 ล้านบาท ทำรายได้ในปี 2547 ถึง 2,617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% สำหรับในปี 2548 คาดว่าจะทำรายได้เพิ่มอีก 20% เป็น 3,131 ล้านบาท
ทั้งนี้ธนาคารจะมีการแบ่งกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ย่อยลงไป คือ เป็นกลุ่มที่มียอดขาย 50—100 ล้านบาท และ 100—400 ล้านบาท เพื่อที่จะได้มีการดูแลได้อย่างทั่วถึง และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับธุรกิจในกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดกลางที่มีโอกาสเติบโตสูงในปี 2548 คือ วัสดุก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมถึงสินค้านำเข้าจากประเทศจีน
สำหรับกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ที่มียอดขายตั้งแต่ 400 ล้านบาทขึ้นไป มีรายได้ในปี 2547 ประมาณ 1,897 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 7.2% และปี 2548 คาดว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะมีรายได้ 2,301 ล้านบาท โตขึ้นประมาณ 21% โดยอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในปี 2548 คือ เหล็กแผ่น ชิ้นส่วนยานยนต์ และผลิตภัณฑ์อาหาร
นายทวิช ธนะชานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งดูแลลูกค้ากลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ เปิดเผยว่า การให้บริการแก่กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ จะมุ่งการเป็น Solution Provider ซึ่งในปี 2547 ธนาคารได้เป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนเด่น ๆ คือ หุ้นกู้ของปตท. ที่เป็น Corporate Bond ที่มีอายุยาวที่สุด บริษัท ออโต้ รีซีฟเอเบิลส์ เอสพีวี จำกัด ถือเป็นหุ้นกู้ตัวแรกที่ออกภายใต้พรก.นิติบุคคลเฉพาะกิจ เพื่อการแปลงสภาพสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ บริษัท ช. การช่าง จำกัด ที่เป็นบริ ษัทในอุตสาหกรรมก่อสร้างบริษัทแรกที่ระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้หลังภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ฝ่ายวาณิชธนกิจมีแผนทางการตลาดในปี 2548 ที่จะมุ่งเน้นขยายตลาดตราสารหนี้และตั๋วแลกเงิน พร้อมเน้นส่งเสริมธุรกิจ Securitization (การแปลงสภาพสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์) และ Structured Notes มากขึ้นรวมถึง การปล่อยกู้ของ Mega-Project ที่เป็นโครงการของรัฐบาลที่ต้องมีการระดมทุนผ่านทางธนาคาร
ธนาคารได้ตั้งเป้าสร้างรายได้สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ในปี 2548 ไว้ 1,929 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2547 ประมาณ 13% มุ่งเน้นอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ขนส่งมวลชน อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์
ด้านนายธีรนันท์ ศรีหงส์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ได้กล่าวถึงภาพรวมของผลิตภัณฑ์และการตลาดของสายงานบรรษัทธุรกิจ ว่า ในปี 2547 ธนา คารกสิกรไทยรายไ ด้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้บริการแก่กลุ่มบรรษัทธุรกิจประมาณ 2,825 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 13.3% ของระบบธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยทั้งหมด โดยบริการธุรกิจการค้าระหว่างประเทศสามารถทำรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยได้มากที่สุด 852 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2548 จะเพิ่มอีก 22% รองลงมาคือ บริการจัดการด้านการเงินมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยประมาณ 725 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มอีกประมาณ 19% ในปี 2548 ส่วนผลิตภัณฑ์บริการความเสี่ยงทางการเงินมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในปี 2547 คือประมาณ 582 ล้านบาท และตั้งเป้าจะเพิ่มอีก 20.3% ในปีนี้
ในปี 2548 สายงานบรรษ ทธุรกิจจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อที่จะเข้าถึงความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น เช่น Cash Management มีการออก SME Connect เป็นบริการ Corporate Connect สำหรับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี E-invoice โดยสามารถทำธุรกรรมผ่านเวบไซต์ของลูกค้า Multi channel report สำหรับลูกค้าที่ทำธุรกรรมต่าง ๆ โดยผ่านเวบไซต์ ของธนาคารกสิกรไทย
ส่วนกลยุทธ์หรือแผนการตลาดสำหรับปี 2548 นี้ ทางธนาคารมีนโยบายที่จะเพิ่มยอดขายให้แก่ผลิตภัณฑ์ โดยเน้นการเพิ่มสัดส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียม และส่วนแบ่งทางการตลาด โดยมีแนวทางดังนี้ คือ พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เน้นคุณ ภาพขอ งการให้บริการเพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่ดีที่ได้รับบริการจากธนาคารและกลับมาใช้อีก และเน้นกิจกรรมทางการตลาดแก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับมูลค่าเพิ่ม เช่น การจัดกิจก รรมสัมมนาให้ความรู้ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
รังษี บูรณประภาพงศ์
ฝ่ายสื่อสารและส่งเสริมงานบริหารองค์การ ธนาคารกสิกรไทย
โทรศัพท์ 0 2470 2655 โทรสาร 0 2470 2746
e-mail: rungsee.b@kasikornbank.com
www.KASIKORNBANK.com--จบ--