"บมจ. น้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRR" ชูธงธุรกิจน้ำตาลไปได้สวย จากราคาน้ำตาลที่ทรงตัวระดับสูง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง รวมถึง อินเดียตั้งรับสถานการณ์ภัยแล้ง คาดจำกัดการส่งออกน้ำตาล ดันราคาน้ำตาลโลกพุ่ง มั่นใจปี 67 เป็นปีทองธุรกิจของ BRR จากปริมาณผลิตอ้อยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ประมาณ 2.2 ล้านตัน โดย BRR เริ่มทำสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 20% ล่าสุดประกาศผลงานปี 66 รายได้รวมอยู่ที่ 6,298 ลบ. กำไรสุทธิ 540 ลบ. บอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.20 บาท ตอบแทนผู้ถือหุ้น
นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่าแผนธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยราคาน้ำตาลทรายขาวทั้งในประเทศและในตลาดโลกยังคงทรงตัวระดับสูง และได้ปัจจัยหนุนจากประเทศผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ของโลกยังคงประกาศห้ามส่งออกน้ำตาล ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาล (Supply) ยังมีแนวโน้มตึงตัว คาดการณ์ว่าระดับราคาน้ำตาลทรายดิบจะยังคงอยู่เหนือ 20 เซนต์/ปอนด์ และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 6 เดือนนี้ อีกทั้ง เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มฟื้นตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำตาล (Demand) ยังทยอยเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สอดคล้องกัน และอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทไทยที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวอ่อนค่า ซึ่งเป็นผลดีต่อกลุ่มสินค้าส่งออก
โดยบริษัทได้วางแผนการปลูกอ้อยปี 2566/2567 เพื่อรักษาค่าความหวานไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 10 ซีซีเอส โดยได้เตรียมจัดหาแหล่งน้ำกระจายไว้หลายจุด เพื่อรับมือกับภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ประกอบกับปริมาณน้ำฝน ณ ปัจจุบันยังเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของอ้อยอีกด้วย อีกทั้ง บริษัทได้ส่งเสริมการปลูกอ้อยให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยเพิ่มขึ้น โดยคาดว่า ปี 2567 บริษัทจะสามารถหีบอ้อยได้ราว 2.2 ล้านตัน ตามเป้าหมาย
ล่าสุดประกาศผลประกอบการของบริษัทในปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 540 ล้านบาท มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,298 ล้านบาท ลดลง 16% เทียบกับปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมช่วงปลายปี 2565 จึงทำให้ปริมาณอ้อยในฤดูการผลิต 2565/66 ลดลง และส่งผลให้ปริมาณการขายน้ำตาลลดลงจากปีก่อนจำนวน 81,842 ตัน หรือลดลง 25% ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบ อย่างไรก็ตาม ราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยในปี 2566 ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลกเมื่อเทียบกับปี 2565 เฉลี่ย 3.61% ต่อตันน้ำตาล และอานิสงส์ของอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่า รวมไปถึงผลประกอบการจากธุรกิจปุ๋ยที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงส่งผลให้ผลประกอบการภาพรวมยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ยังคงเชื่อมั่น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท/หุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 21 พฤษภาคม 2567