บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER) เปิดแผนปี 67 เดินหน้าขยายพอร์ตอสังหาฯ แนวราบต่อเนื่อง ฟาก"สวิจักร์ โลจายะ" บิ๊กบอส ชี้เป็นตลาดเรียลดีมานด์ เตรียมเปิดใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ทั้งบ้านเดี่ยวแบรนด์ "มายโฮม ซิลเวอร์เลค" ในโครงการ"ซิลเวอร์เลค วินด์ " เฟส 3 จำนวน 31 ยูนิต และบ้านแฝด บ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ "เอวาริช" ที่พัฒนาโครงการภายใต้คอนเซ็ป Becalm Living ในโครงการ เอวาริช ราชพฤกษ์ตัดใหม่ จำนวน 128 ยูนิต คาดเปิดโครงการได้ในครึ่งแรกปีนี้ แย้มอยู่ระหว่างศึกษาบ้านเดี่ยว Luxury Home หวังเพิ่มสัดส่วนแนวราบเป็น 50% ใน 1-2 ปีข้างหน้า จาก 40 % โชว์ Backlog กว่า 1,000 ล้านบาท หนุนผลงานโตแกร่ง
นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (EVER) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ "เดอะโพลิแทน" ทำเลย่านสนามบินน้ำ, โครงการแนวราบ-บ้านเดี่ยว แบรนด์ "มายโฮม" ทำเลย่านสุวินทวงศ์ และโครงการแนวราบ-ทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ซิตี้" เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการขยายโครงการแนวราบต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเติบโตของกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการเลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ประกอบกับการตอบรับที่ดีจากการเปิดขายโครงการแนวราบบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม ยอดขายยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยจะเห็นการเปิดขายโครงการใหม่จำนวน 1- 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ " เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่" จำนวน 128 ยูนิต ซึ่งเป็นบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว มูลค่า 630 ล้านบาท คาดจะเห็นในปลายไตรมาส 1 นี้ รวมทั้งการเปิดขายเฟสต่อเนื่อง บ้านเดี่ยวแบรนด์ "มายโฮม" โครงการซิลเวอร์เลค วินด์ เฟส 3 จำนวน 31 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.99 - 15 ล้านบาทต่อแปลงในช่วงปลายไตรมาส 2 นี้ ซึ่งจะเป็นโครงการที่มีความหรูหรา ความสวยงาม นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนาโครงการบ้านระดับพรีเมียม " Luxury Home " เพื่อเพิ่มยอดขายในอนาคต
"จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาเราพบว่าคนเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาซื้อบ้านมากกว่าคอนโดมิเนียม เพราะต้องการพื้นที่อยู่อาศัยมากขึ้น และจากข้อมูลบทวิจัยต่างๆ ก็พบว่าภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวขยายตัวสูง โครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ของบริษัทฯได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าการพัฒนาโครงการแนวราบต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มฐานรายได้ และยังเป็นการบาลานซ์พอร์ตอสังหาฯในอนาคตอีกด้วย" นายสวิจักร์ กล่าว
สำหรับในปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากยอดขายโครงการต่างๆ เข้ามาสนับสนุน ทั้งแนวราบและแนวสูง ขณะที่มียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ถึงปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทฯยังตั้งเป้าภายใน 1 - 2 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสัดส่วนโครงการอสังหาฯแนวราบเป็น 50 : 50 จากปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 40 : 60