INETREIT เตรียมนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเข้าเทรด 28 มี.ค.นี้ หลังนักลงทุนทุกกลุ่มจองซื้อคึกคัก ชูจุดเด่นลงทุนในทรัพย์สินเทคโนโลยีแห่งอนาคต เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ประมาณการผลตอบแทนภายหลังการเพิ่มทุนในปีแรกประมาณ 8%
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INETREIT เตรียมนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 28 มีนาคม 2567 หลังนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยจองซื้อหน่วยทรัสต์คึกคัก ชูจุดเด่นกองทรัสต์กองแรกและกองเดียวในประเทศไทยที่เข้าลงทุนตรงในทรัพย์สินประเภทศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Data Center) ทั้งหมด ตอกย้ำความมั่นใจในทรัพย์สินที่มีศักยภาพเติบโตสูงในเทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัล วางเป้าหมายลงทุนในทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืน พร้อมประมาณการผลตอบแทนปีแรกหลังเพิ่มทุนประมาณ 8%
นายสุตกานต์ แน่นหนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ("บริษัทฯ") ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 1 เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 28 มีนาคม 2567 โดยใช้ชื่อย่อ 'INETREIT' ในการซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ ในช่วงที่เปิดให้นักลงทุนจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 1 ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาจองซื้ออย่างล้นหลาม ตอกย้ำความมั่นใจในศักยภาพกองทรัสต์ INETREIT ที่เป็นกองทรัสต์กองแรกและกองเดียวในประเทศไทยที่เข้าลงทุนตรงในทรัพย์สินประเภทศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Data Center) ทั้งหมด ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง จากการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ส่งผลให้ความต้องการใช้บริการศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Data Center) และบริการคลาวด์ (Public Cloud) เติบโตต่อเนื่อง สอดรับการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Data Center) ในภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ซึ่งเป็นทรัพย์สินใหม่จะเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ให้แก่กองทรัสต์ เนื่องจาก สามารถให้บริการ Cloud ประเภท Platform as a Service (PaaS) และ Software as a Service (SaaS) จัดเป็นบริการ Cloud ที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น โดยเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคาร ทำให้โครงสร้างของกองทรัสต์มีการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) เพิ่มขึ้นเป็น 42% และอายุการเช่าคงเหลือเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของกองทรัสต์จากเดิม 22 ปี เป็น 54 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กองทรัสต์สามารถสร้างรายได้อย่างไม่ถูกจำกัดระยะเวลา โดยกองทรัสต์จะนำทรัพย์สินออกจัดหาผลประโยชน์ ผ่านการให้ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET เช่าเหมากลับทั้งหมดเพียงรายเดียว และจะปรับอัตราค่าเช่าขึ้นร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 30 ปี ทำให้ผลตอบแทนที่จะได้รับมีความมั่นคงและสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ กองทรัสต์ INETREIT มีนโยบายการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อรอบปีบัญชี ในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว โดยประมาณอัตราเงินจ่ายผลตอบแทนในปีแรกหลังการเพิ่มทุนประมาณ 8% ต่อปี อ้างอิงสมมติฐานในการจัดทำงบประมาณการงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติสำหรับงวด 12 เดือน ช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค. 2567
นายฐิติวัชร กรวุฒิ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า กองทรัสต์ INETREIT ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุนทุกกลุ่ม สะท้อนความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในกองทรัสต์ ที่มีศักยภาพเติบโตสูงในเทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัล และการลงทุนในกองทรัสต์ในช่วงที่สถานการณ์ดอกเบี้ยคงที่และมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในอนาคต ส่งผลให้ภาพรวมของการลงทุนในกองทรัสต์มีความน่าสนใจมากขึ้น
ทั้งนี้ การเพิ่มทุนครั้งที่ 1 ของกองทรัสต์ INETREIT จะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินประเภทศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Data Center) ทำให้สามารถสร้างรายได้แก่กองทรัสต์โดยไม่มีข้อจำกัดด้านระยะเวลา จนกว่ากองทรัสต์จะไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สิน โดยโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ที่จะเข้าลงทุนจัดเป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพและได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล รวมทั้งอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง นอกจากนี้ กองทรัสต์ฯ ยังมีโอกาสเติบโตจากการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในอนาคตและมีสิทธิในการปฏิเสธก่อน (Right of First Refusal) ในทรัพย์ที่ใช้ดำเนินธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ของ บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย รวมถึงสิทธิในการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม (Right to Invest) ในตู้ Rack เพิ่มเติมภายในโครงการ INET-IDC 3 เฟส 2 โดยผู้เช่าหลักอย่าง บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย มีความเชี่ยวชาญบริหารโครงการและมีประสบการณ์ในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์มานาน และมีทีมผู้บริหารที่มากด้วยประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ Data Center มาอย่างยาวนาน ทำให้มั่นใจได้ว่าการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์