เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาบ้านเด็ก (BSI - Building Social Impact Initiative) เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มแรงงานและเด็กในแคมป์ก่อสร้าง และสร้างความเท่าเทียมในสังคมพร้อมพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของคนงาน ครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สวัสดิการ สุขภาพ และการศึกษา เพื่อคุณภาพชีวิตที่เติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะสานต่อความยั่งยืน และส่งต่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่าสู่คนรุ่นต่อไปในวันข้างหน้า ผ่านการทำโครงการต่าง ๆ ของทางบริษัทฯ ทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด ESG ที่คำนึงถึงความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก คือ สิ่งแวดล้อม (Environment), สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) เพื่อให้เกิดการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด ตั้งแต่คุณภาพของบ้านที่เราสร้างทุกๆ หลัง ไปจนถึงสภาพแวดล้อม และรากฐานของการสร้างบ้าน ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาด และความเป็นอยู่ที่ดีตั้งแต่เริ่ม โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานและเด็กในแคมป์คนงานของเรา ภายใต้แนวคิด "ร่วมสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีกว่า" (Together for the greater living)
"การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในแคมป์คนงาน ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของนโยบายด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ เพราะเราเชื่อว่าคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของกลุ่มแรงงานคือพื้นฐานของความเท่าเทียมในสังคม และเป็นการดำเนินธุรกิจแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาบ้านเด็ก (BSI - Building Social Impact Initiative) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ในการสร้างแนวทางปฏิบัติที่เน้นในเรื่องของความปลอดภัยและการเข้าถึงสิทธิพื้นฐานของกลุ่มแรงงานในแคมป์คนงาน เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดี และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ภายใต้กรอบการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนในด้านต่าง ๆ ดังนี้
- ด้านโครงสร้างพื้นฐาน : ปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้มีความปลอดภัยมากขึ้น, มีระบบจัดการของเสียที่ดีขึ้น มีน้ำสะอาด สุขาภิบาล และสุขอนามัย และสร้างโอกาสและพื้นที่สำหรับมีปฏิสัมพันธ์และเล่นกับเด็กอื่นปรับปรุงทาง
- ด้านสวัสดิการและบริการ : ให้ความรู้เกี่ยวกับกฎปฏิบัติและมาตรการป้องกันภายในแคมป์, ให้การสนับสนุนด้านเอกสารและการเข้าถึงบริการต่าง ๆ และมีพัฒนาการทางสังคมและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- ด้านสุขภาพ : สนับสนุนการเข้าถึงวัคซีน บัตรประกันสุขภาพ และให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพพื้นฐานและการปฏิบัติ
- ด้านการศึกษา : สนับสนุนการเตรียมตัวของเด็กๆ เพื่อเข้าสู่ระบบการศึกษาในโรงเรียน, สนับสนุนการลงทะเบียนเข้าเรียนในโรงเรียน และสนับสนุนเกี่ยวกับโรงเรียนผ่านการศึกษานอกระบบ
โดยความร่วมมือในครั้งนี้ จะสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตในกลุ่มแรงงาน และสร้างภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืนในมิติของสังคม พร้อมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม ด้วยการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีกว่าในแคมป์คนงานได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป" นายสมบูรณ์ กล่าว