บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ("STA" หรือ "บริษัทฯ) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 และครึ่งปีหลังฟื้นตัวต่อเนื่อง จากดีมานด์กลุ่มประเทศ Non China ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ราคาขายเฉลี่ยยางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นและเริ่มส่งมอบออเดอร์เชิงพาณิชย์ยาง EUDR แก่ลูกค้าในเดือนพฤษภาคม 2567 ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีรายได้จากการขายและบริการ 23,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จากไตรมาสก่อนหน้า จากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีผลขาดทุนลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า
นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 และครึ่งปีหลังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์ราคาขายยางพาราและความต้องการใช้สินค้าในตลาดโลก ทั้งยุโรปและทวีปเอเชียเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะดีมานด์จากลูกค้ากลุ่มประเทศ Non China ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 เพื่อเพิ่มปริมาณยางธรรมชาติในสต็อก และลูกค้าจากประเทศจีนที่เริ่มทยอยสั่งซื้อยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทฯ และภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติที่ราคาและดีมานด์กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อเชิงพาณิชย์ยาง EUDR ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของผลผลิตจะต้องไม่อยู่ในพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าหรือไม่อยู่ในเขตป่าสงวน และมีเอกสารสิทธิ์พื้นที่ปลูกยางพาราอย่างถูกต้อง จากลูกค้าต่างประเทศที่เป็นผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยางล้อ อาทิ ยุโรป, เกาหลี, จีน, ญี่ปุ่น ฯลฯ เนื่องจากยุโรปเตรียมบังคับใช้มาตรการ EUDR ภายในสิ้นปีนี้ โดยบริษัทฯ เริ่มจัดส่งออเดอร์เชิงพาณิชย์ (Commercial Transaction) แก่ลูกค้าแล้วในเดือนพฤษภาคม 2567 และถือเป็นรายแรกที่ขายยาง EUDR เชิงพาณิชย์ หลังจากที่ร่วมกับเกษตรกรชาวสวนยางและผู้ค้ายางจัดทำโครงการ "ยางมีพิกัด (GPS)" เพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าด้านการจัดเก็บและตรวจสอบข้อมูลพิกัดพื้นที่ปลูกยางพาราผ่านแอปพลิเคชัน Sri Trang Friends (แอปฯ ศรีตรังเพื่อนชาวสวน) ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของผลผลิตยางได้
"ราคาขายยาง EUDR ปัจจุบันถือว่าสูงกว่ายางทั่วไป เนื่องจากต้องจัดเก็บข้อมูลให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของผลผลิตได้ โดยมีแนวโน้มได้รับคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางล้อและอุตสาหกรรมที่ใช้ยางธรรมชาติเป็นวัตถุดิบจากยุโรป และจากเอเชียที่ส่งออกสินค้าแปรรูปจากยางธรรมชาติไปยุโรป มีความต้องการสต๊อกวัตถุดิบและเริ่มผลิตสินค้าเตรียมไว้ก่อนการบังคับใช้กฎหมาย และจะเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทฯ และภาพรวมอุตสาหกรรมยางพาราของไทยในปีนี้เนื่องจากมีความพร้อมส่งออกยาง EUDR" นายวีรสิทธิ์กล่าว
นายวีรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 ของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 23,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จากไตรมาสก่อนหน้า จากราคาขายเฉลี่ยทั้งไตรมาสที่เพิ่มขึ้น 6.2% เป็น 155.2 เซนต์ต่อกิโลกรัมเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับปริมาณการขายธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น 1.3% เป็น 317,872 ตัน รวมถึงปริมาณการขายถุงมือยางทั้งไตรมาสที่เพิ่มขึ้นเป็น 10,091 ล้านชิ้น ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนภาพรวมราคาขายเฉลี่ยยางธรรมชาติในตลาดโลกไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากราคาขายเฉลี่ยเดือนเมษายน 2567 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 162.7 เซนต์ต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 1/2567 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากสถานการณ์ราคายางและดีมานด์ที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว รวมถึงต้องติดตามสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะมีผลต่อฤดูการเปิดกรีดยางและ
ซัพพลายใหม่ในอุตสาหกรรมยาง