SMART เผยผลประกอบการ Q1/67 รายได้รวม 165.41 ล้านบาท กำไรสุทธิ 27.74 ล้านบาท โต 11.87% มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา-อิฐมวลเบาตกแต่ง ตอบโจทย์ความต้องการเทรนด์ที่อยู่อาศัย Eco-House ขานรับมาตรการภาครัฐกระตุ้นอสังหาฯ เดินหน้าขยายฐานลูกค้า ภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่ม สร้างการเติบโตต่อเนื่อง
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 164.41 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 172.64 และมีกำไรสุทธิ 27.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.87%
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทในส่วนกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพภายในเพื่อรักษาผลการดำเนินงาน
สำหรับภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2 ปี 2567 หากรัฐบาลมีการกระตุ้นอสังหาฯภาครัฐ สามารถเบิกจ่ายงบประมาณ เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยกลับมาคึกคัก ผู้ประกอบการอสังหาฯ สามารถเร่งระบายโครงการค้างสต๊อก อาจมีแผนเปิดโครงการเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวส่งผลให้กลุ่มธุรกิจบริการ โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร เร่งปรับปรุงต่อเติมเพื่อรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้า นำเสนอให้กับโครงการ อันได้แก่ โครงการการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เร่งเดินหน้าก่อสร้างตามแผนงาน พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา และอิฐมวลเบาตกแต่ง มาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการเทรนด์บ้านรักษ์โลก Eco-House ล่าสุด SMART เป็น 1 ใน 10 แบรนด์ผู้ผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์ชั้นนำ เข้ารับรางวัล asa Platform Selected Materials 2024 ในงานสถาปนิก'67 โดยนำวัสดุเหลือใช้จากการผลิตอิฐมวลเบา ให้ใช้ประโยช์ได้เต็มที่ ตามหลัก Circular Economy และยังกำหนดเป็นนโยบายเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้ก้าวสู่ Net Zero
นอกจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์ การบริหารจัดการต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ให้ความสำคัญกับการวัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และพัฒนาผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา-มวลเบาตกแต่ง เพื่อรองรับความต้องของลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ เพิ่มยอดขาย สร้างรายได้เติบโต " นายรังสี กล่าว