บมจ.อีเอ็มซี พลิกมีกำไรในรอบ 2 ปี โชว์ผลงานไตรมาส 1 ปี 2567 กำไรสุทธิ 26.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% จากปีก่อนที่ขาดทุน มั่นใจผลประกอบการเทิร์นอะราวด์ รับปัจจัยบวกมาตรการภาครัฐกระตุ้นภาคก่อสร้างและอสังหาฯ เดินหน้าสานต่อโครงการในมือมูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท และใช้ความเชี่ยวชาญประมูลงานเพิ่ม พร้อมลุยธุรกิจใหม่ทันทีหลังเพิ่มทุนเสร็จ
ดร.ชาลี จังวิจิตรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 209.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.49 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.98 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 26.34 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 147% จากไตรมาสเดียวกันปี 2566 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 56.48 ล้านบาท ถือเป็นการกลับมามีกำไรครั้งแรกในรอบ 2 ปี มีผลมาจากการปรับปรุงโครงสร้างและการบริหารจัดการภายในองค์กรที่ดียิ่งขึ้น
ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2567 สะท้อนให้เห็นสัญญาณที่ดีของบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท โดยเป็นโครงการอาคารโรงพยาบาลตากสิน และอาคารเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทจะเข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างและปรับปรุงโรงพยาบาลต่างๆที่ EMC มีความชำนาญมาอย่างยาวนาน โดยมีมูลค่างานประมูลรวมกว่า 5,000 ล้านบาท อาทิ อาคารโรงพยาบาลของกลุ่มโรงพยาบาลบางปะกอก กลุ่มโรงพยาบาลสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และกลุ่มโรงพยาบาล วิภาราม - สินแพทย์ นอกจากนี้ ยังมีงานภาครัฐที่จะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการขยายสนามบินเชียงใหม่ ระยะที่ 1 ของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย โดยเป็นงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และปรับปรุงอาคาร ผู้โดยสารเดิมเป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ มูลค่างานส่วนอาคารกว่า 4,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใน EEC เป็นต้น
สำหรับการสร้างธุรกิจ New S-Curve ที่จะสร้างการเติบโตที่ดีให้กับบริษัทในอนาคต ได้แก่ ธุรกิจเทคโนโลยีและไอที, ธุรกิจยูทิลิตี้ และธุรกิจ Oil & Gas นั้น จะดำเนินการอยู่ภายใต้โครงสร้าง บมจ. อีเอ็มซี เอ็กซ์ หรือ EMCX ที่อยู่ระหว่างการจัดตั้งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง เพื่อเตรียมความพร้อมในการสร้างความเติบโตของธุรกิจใหม่ในระยะยาว
ในปัจจุบัน บริษัท EMC อยู่ระหว่างการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) จำนวนไม่เกิน 8,434,049,054 หุ้น การออกเป็นใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ของบริษัทฯ ครั้งที่ 7 (EMC-W7) จำนวนไม่เกิน 4,217,024,527 หน่วย ) ในอัตรา 1 หุ้นสามัญต่อ 1 สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยผู้ถือหุ้นจะได้ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) โดยไม่คิดมูลค่าในอัตรา 2 หุ้นสามัญใหม่ ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ มีอายุ 3 ปี เปิดจองซื้อและชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนได้ในช่วงระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม - 7 มิถุนายน 2567 ซึ่งเมื่อการเพิ่มทุนเสร็จสิ้น บริษัทจะมีความพร้อมในการสร้างธุรกิจ New S-Curve จากธุรกิจใหม่ได้ทันที