กองทรัสต์ 'AIMIRT' เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 แข็งแกร่ง พร้อมประกาศจ่ายปันผล 4 เดือนแรกของปี 2567 จากผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2567 รวมทั้งสิ้น 0.2867 บาทต่อหน่วย ก่อนเดินหน้าปิดดีล การแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' เข้ารวมกับกองทรัสต์ 'AIMIRT' ซึ่งถือเป็นพัฒนาการครั้งประวัติศาสตร์ของกองทุนรวมอสังหาฯ และกองรีทในประเทศไทย หนุนผลประโยชน์ร่วม มั่นใจผู้ถือหน่วยสองฝ่ายได้ประโยชน์รอบด้าน
นางสาวญาณิชศา ชาติวุฒิกอบกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของกองทรัสต์ 'AIMIRT' เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 สำหรับงวดการดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 กองทรัสต์ 'AIMIRT' ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยในไตรมาส 1/2567 กองทรัสต์มีรายได้รวม 219 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ (การเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน) 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 31% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยผลการดำเนินงานที่มั่นคงแข็งแกร่งสะท้อนมาจากปัจจัยพื้นฐานของทรัพย์สินในพอร์ตของกองทรัสต์ที่มีศักยภาพ โดยในไตรมาส 1/2567 กองทรัสต์ยังคงรักษาอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยที่สูงโดดเด่นถึง 94% และมีอัตราการต่ออายุสัญญาเช่าที่ 100% โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล 4 เดือนแรกของปี 2567 จากผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2567 และจากกำไรสะสมที่เกิดขึ้นก่อนเข้าลงทุนในกองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' ในอัตรารวม 0.2867 บาทต่อหน่วย เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้
นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ 'AIMIRT' มีการเติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยปัจจุบันกองทรัสต์ 'AIMIRT' เป็นกองรีทอิสระรายแรกและรายเดียวที่มีทรัพย์สินภายใต้บริหารจัดการกว่า 11,000 ล้านบาท โดยขนาดทรัพย์สินหลังรวมกองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' เข้ามา จะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 20% จนแตะระดับ 13,000 ล้านบาท และจะส่งผลให้กองทรัสต์ 'AIMIRT' มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพสูงขึ้นอีกหลายด้าน ทั้งในเรื่องการกระจายตัวของพอร์ตทรัพย์สิน โดยเฉพาะในแง่ของทำเลที่ตั้งที่จะมีการกระจายตัวไปในจุดยุทธศาสตร์ EEC มากขึ้น และสัดส่วนทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ (Freehold) ที่จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณ 67% ถือเป็นโอกาสในการขยายพอร์ตที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับเป้าหมายในการบริหารกองทรัสต์ให้เติบโตอย่างมั่นคง ต่อเนื่อง และยั่งยืน โดยการเข้าลงทุนในกองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' ในครั้งนี้ ถือเป็นพัฒนาการด้านการลงทุนครั้งสำคัญของกองทุนรวมอสังหาฯ และกอง REIT ในประเทศไทย ที่เป็นการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ ข้ามค่ายมาควบรวมกับกองทรัสต์อิสระเป็นครั้งแรก ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหน่วยของกองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' และกองทรัสต์ 'AIMIRT' ทั้งในด้านการเติบโตในอนาคตและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น
นายธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' เข้ารวมกับกองทรัสต์ 'AIMIRT' จะดำเนินการโดยการออกหน่วยทรัสต์ใหม่ของกองทรัสต์ 'AIMIRT' พร้อมเงินสดให้แก่กองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' โดยมีอัตราการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนกับหน่วยทรัสต์ (Swap Ratio) ที่ 1 หน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' ต่อ 0.8731 หน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ 'AIMIRT' พร้อมเงินสดจำนวน 0.7500 บาทต่อ 1 หน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' โดยการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' ครั้งนี้ ไม่ต้องระดมทุนจากผู้ถือหน่วยทรัสต์ปัจจุบันของกองทรัสต์ 'AIMIRT' เนื่องจากเป็นการนำหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ 'AIMIRT' ที่ออกใหม่มาสับเปลี่ยนกับหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาฯ 'PPF' (Share Swap) ซึ่งจะเป็นการขยายฐานผู้ถือหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ 'AIMIRT' และช่วยให้หน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ 'AIMIRT' มีเสถียรภาพและสภาพคล่องเพิ่มขึ้น
โดยผู้จัดการกองทรัสต์เชื่อมั่นว่า การเข้าลงทุนในกองทุนรวมอสังหา 'PPF' ครั้งนี้ ตอบโจทย์การขยายพอร์ตทรัพย์สินอย่างมั่นคงของกองทรัสต์ได้เป็นอย่างดี และเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสำเร็จของการเป็น 'รีทอิสระ' รายแรกในประเทศของกองทรัสต์ 'AIMIRT' ที่สามารถเลือกเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพได้อย่างหลากหลายและคำนึงถึงผลประโยชน์ของนักลงทุนเป็นสำคัญ สำหรับแนวทางการเติบโตในอนาคต กองทรัสต์ 'AIMIRT' ยังคงมีนโยบายในการลงทุนในทรัพย์สินภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลายเพิ่มเติมเพื่อขยายพอร์ตทรัพย์สินที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยการอยู่บนแพลตฟอร์ม 'รีทอิสระ' ทำให้กองทรัสต์ 'AIMIRT' มีโอกาสที่ดีในการเจรจาเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพ บนทำเลที่ดี ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้อย่างยั่งยืน