บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ส่งสัญญาธุรกิจน้ำ-ไฟฟ้า ไตรมาส 2/2567 ฟื้นตัวโดดเด่นจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น บวกค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น และต้นทุนค่าก๊าซที่ลดลง ด้าน CEO "สมเกียรติ เมสันธสุวรรณ" ประกาศแผนลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจน้ำ-ไฟฟ้า โดยเฉพาะโครงการน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) พร้อมขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รับแผนการลงทุน Green Logistics แบบครบวงจร สอดรับWHA Group
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมาจากธุรกิจน้ำที่มีการใช้เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยทั้งปีบริษัทฯ มีการตั้ง เป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำทั้งหมดจำนวน 178 ล้านลูกบาศก์เมตร และ ธุรกิจไฟฟ้า ที่บริษัทฯจะได้รับผลบวกจากโรงไฟฟ้า Gheco-I มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น หลังจากกลับมาเดินเครื่องได้ปกติ ประกอบกับแนวโน้มราคาไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น และราคาก๊าซปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลบวกต่อธุรกิจ SPP ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งการทยอยเปิด COD ของโครงการโซลาร์รูฟท็อปในโครงการต่างๆ ตามแผนที่วางไว้
โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาการให้บริการน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ปริมาณการผลิต 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) คาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วง ไตรมาส 3/2567 อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนในโครงการน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) เพิ่มเติม โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดผ่านการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่น ด้านพลังงานใหม่ๆ อาทิ การเปิดให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งสอดรับกับแผนการลงทุน ใน Green Logistics แบบครบวงจรของ WHA Group ซึ่งมีการตั้งเป้าขยายการให้บริการครบ 120 ตู้ชาร์จภายในปีนี้ จากช่วงไตรมาสแรกที่มีการเปิดไปแล้ว 37 หัวชาร์จ
ส่วนธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ปัจจุบันได้มีการลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ประเภท Private PPA เพิ่มจำนวน 15 สัญญา กำลังการผลิตรวมประมาณ 59 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีการลงนามในสัญญาโครงการ Private PPA สะสมทั้งสิ้น 242 เมกะวัตต์ ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 125 เมกะวัตต์ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ที่บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกจำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์
และได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ EGAT และ PEA เสร็จสิ้นแล้ว 4 โครงการ จำนวนรวม 85 เมกะวัตต์ ส่วนอีก 1 โครงการที่เหลือคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้เร็วๆ นี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ราว 812 เมกะวัตต์ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเป้าหมายในการเพิ่มสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นไปที่ระดับ 1,000 เมกะวัตต์ ทำได้ ตามแผนที่วางไว้